ชา เป็นผลเสียต่อร่างกายเด็กที่ยังเล็ก แต่ สารประกอบฟีนอล ช่วยเพิ่มพลังสมาธิทักษะการคิดวิเคราะได้
ที่คุณตัน ประสบความสำเร็จได้ เพราะข้อมูลทางการตลาด คือ ชาจีน ขายได้ราคาในไทยยากเนื่องจากโครงสร้างร้านกาแฟ และชาเย็น ที่สำคัญคือ การออกวางตลาดในราคาสูง
แต่ที่สำคัญที่สุดคืออยู่ที่ความสามารถคนทำ ที่ไปหาฟรุตโตสมาได้ และ ทำขวดใหม่เอง
คือเดิมทีตลาดเครื่องดื่มสุขภาพนี้มีขีดจำกัดการตั้งราคาอยู่ที่ไม่เกิน 15 บาทเท่านั้นจึงจะขายได้
แต่จริงๆแล้ว ยังมีการเปิดเผยการวิจัยเกี่ยวกับชาน้อยมาก อาจจะเพราะเป็นการดื่มด้วยความรู้สึก ตามสัญชาติญาณ ให้รสชาติที่มากกว่า
ที่ปรึกษาแก้ปัญหาทางธุรกิจ ปรึกษาทำเลธุรกิจ ข้อมูลธุรกิจ ที่ปรึกษาการลงทุน ข้อมูล ข่าวสาร เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง ยุทธศาสตร์ การบริหาร กลยุทธ์การจัดการ
วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558
วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558
Genki Sudo: World Order จากนักสู้สู่ศิลปิน
Genki Sudo: World Order จากนักสู้สู่ศิลปิน
posted on 14 Dec 2011 20:06 by chubby directory Entertainment, Asian
posted on 14 Dec 2011 20:06 by chubby directory Entertainment, Asian
.
เอนทรีที่เกี่ยวข้อง
Genki Sudo: 2012 โลกแตกอยู่ที่ใจ
.
Genki Sudo เคยเป็นแชมป์มวยปล้ำ All Japan Junior ก่อนก้าวเข้าสู่เวทีการต่อสู้แบบผสมผสาน (Mixed Martial Art หรือ MMA) ของญี่ปุ่นอย่างโชกโชนตั้งแต่ปี 2541 ไม่ว่ารายการ Pancrase, UFC ก่อนประกาศเลิกเล่นหลังชนะเลิศการแข่งขันรายการ K-1 ในปี 2549 จากนั้นเขาผันตัวไปเป็นโค้ชทีมมวยปล้ำมหาวิทยาลัยทากุโชกุก่อนนำทีมกวาดแชมป์ All Japan Student เรียบวุธทั้ง 4 รายการใหญ่ของญี่ปุ่นในปี 2553 จนได้รับรางวัลผู้จัดการยอดเยี่ยม และได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้จัดการทีมมวยปล้ำในการแข่งกีฬามหาวิทยาลัยโลกเลยทีเดียว
.
แต่ชายหนุ่มอายุ 33 คนนี้ไม่ได้มีดีแต่ศิลปะการต่อสู้ แต่ Genki Sudo ยังเป็นทั้งครู นักเขียน นักแสดงที่ผลิตผลงานออกมามากพอตัว ที่โดดเด่นไม่น้อยคือผลงานเพลงชุด World Order ที่นำเอาท่าเต้นแบบ Robot, Slow Motion และ Popping ที่เคยใช้เปิดตัวก่อนขึ้นเวทีสมัยยังเล่นมวยปล้ำอยู่ มาผสมผสานกับผลงานเพลงได้น่าติดตามทีเดียว โดยผลงานเพลงหลักๆ ที่ปรากฏใน YouTube ณ ขณะเขียนบทความนี้มี 5 เพลง (หนึ่งในนั้นถูกนำไปใช้เป็นการแสดงในสปอตโฆษณา DELL Streak เลยทีเดียว) แต่ละเพลงก็มีลักษณะเด่นที่ผมชอบต่างกันไป
http://chubby.exteen.com/20111214/genki-sudo-world-order
เอนทรีที่เกี่ยวข้อง
Genki Sudo: 2012 โลกแตกอยู่ที่ใจ
.
Genki Sudo เคยเป็นแชมป์มวยปล้ำ All Japan Junior ก่อนก้าวเข้าสู่เวทีการต่อสู้แบบผสมผสาน (Mixed Martial Art หรือ MMA) ของญี่ปุ่นอย่างโชกโชนตั้งแต่ปี 2541 ไม่ว่ารายการ Pancrase, UFC ก่อนประกาศเลิกเล่นหลังชนะเลิศการแข่งขันรายการ K-1 ในปี 2549 จากนั้นเขาผันตัวไปเป็นโค้ชทีมมวยปล้ำมหาวิทยาลัยทากุโชกุก่อนนำทีมกวาดแชมป์ All Japan Student เรียบวุธทั้ง 4 รายการใหญ่ของญี่ปุ่นในปี 2553 จนได้รับรางวัลผู้จัดการยอดเยี่ยม และได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้จัดการทีมมวยปล้ำในการแข่งกีฬามหาวิทยาลัยโลกเลยทีเดียว
.
แต่ชายหนุ่มอายุ 33 คนนี้ไม่ได้มีดีแต่ศิลปะการต่อสู้ แต่ Genki Sudo ยังเป็นทั้งครู นักเขียน นักแสดงที่ผลิตผลงานออกมามากพอตัว ที่โดดเด่นไม่น้อยคือผลงานเพลงชุด World Order ที่นำเอาท่าเต้นแบบ Robot, Slow Motion และ Popping ที่เคยใช้เปิดตัวก่อนขึ้นเวทีสมัยยังเล่นมวยปล้ำอยู่ มาผสมผสานกับผลงานเพลงได้น่าติดตามทีเดียว โดยผลงานเพลงหลักๆ ที่ปรากฏใน YouTube ณ ขณะเขียนบทความนี้มี 5 เพลง (หนึ่งในนั้นถูกนำไปใช้เป็นการแสดงในสปอตโฆษณา DELL Streak เลยทีเดียว) แต่ละเพลงก็มีลักษณะเด่นที่ผมชอบต่างกันไป
http://chubby.exteen.com/20111214/genki-sudo-world-order
วง World Order กับท่าเต้นที่แดกขาดและสัญลักษณ์อิลลูมินาติ
เปิดดู MV ของ Genki Sudo กี่ทีก็ไม่เคยเบื่อเลยจริงๆ เค้าคือนักมวย MMA ชาวญี่ปุ่นที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นนักร้องแนว Electronic Pop ชอบตรงสไตล์การเต้นที่แปลกใหม่ตื่นตาตื่นใจมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ก็แอบมีประเด็นที่น่าคิดอยู่เหมือนกัน ตรงที่เนื้อเพลงส่วนใหญ่จะเน้นเกี่ยวกับแนวคิดที่ว่า "We are all one เราทั้งหลายคือหนึ่งเดียวกัน" ที่นักทฤษฎีสมคบคิดบอกว่าเป็นการพยายามโปรโมทการจัดระเบียบโลกใหม่หรือ New World Order แนวคิดจากลัทธิอิลลูมินาติ (Illuminati) มันคือสมาคมลับที่อยู่คู่โลกเรามาหลายร้อยปีแล้วพี่น้อง และมีสมาชิกทั่วโลกถึง 5 ล้านคน ส่วนแผนล่าสุดก็คือการพยายามให้ประชาชนทุกประเทศทั่วโลกโดนปกครองจากระบบเดียวกันนั่นคือให้ UN เป็นรัฐบาลโลก ว่าง่ายๆว่ากะครองโลกใบนี้ไว้ในกำมือ และเพลงของ Genki ก็พยายามสื่อถึงการจัดระเบียบรวมโลกนี้ด้วย สังเกตุได้จากชื่อวง เนื้อร้อง แถมด้วยสัญลักษณ์อิลลูมินาิติที่แฝงไว้ทั่วเอ็มวี ที่เด็ดกว่านั้นคือมีภาพถ่ายวง World Order ที่ดูแล้ว มี Theme เหมือนกันเป๊ะๆกับภาพจริงของสมาชิก Skull and Bones องค์กรนึงของ The Masons หนึ่งในสาขาลัทธิย่อยของอิลลูมินาติ
http://firstonfire.blogspot.com/…/world-order-illuminati.ht…
http://firstonfire.blogspot.com/…/world-order-illuminati.ht…
สัญลักษณ์เครือย่อยของอิลลูมินาิติ
สำหรับคนที่ต้องการที่จะเข้าสู่เมทริกซ์ของอลูมิเนติ ต้องศึกษาภาษาสื่อสารธรรมชาติของโลกก่อนเป็นอันดับแรก เช่นภาษากาย ภาษาเชิงสัญลักษณ์
อักษรรูปลิ่ม ภาษาโรมัน ภาษาฮีโรกริฟฟิก ภาษาฮีบรู ภาษาจีน ภาษาบาลี สันสกฤต ภาษาฮินดี ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศส
ภาษาจีน และภาษาดังที่กล่าวมามีจุดร่วมประการนึงคือเป็นตัวอักษรที่มีรากมาจากสัญลักษณ์ ของร่างกายคนสัตว์ และธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเช่นภาษาฮีโรกริฟฟิก
ส่วนตัวอักษรโรมัน และอังกฤษซึ่งมีรากมาจากภาษาฮีบรูนั้นมีการออกแบบสำหรับใช้ในการสื่อสารด้านสงคราม
เช่น ตัวเลข 322 นั้นมีความหมายเชิงสัญลักษณ์เป็น เดลต้า ไอ ไอ หนึ่ง หนึ่ง ทู วิคตอรี่ ครึ่งนึงของวิน วิน ชัยชนะ สำเร็จ 4 เลยการเค้าท์ดาวน์ 321 0 ข้ามการเค้าท์ดาวน์ 3 22 และเป็นสัญลักษณ์รูปปืน(กัน GUN gun) สองมือ ชี้ฟ้า ว็อทเชอร์ หรือ มือ ที่ชูนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง 3 สาม ทรี ซี เดลต้า เป็นความหมายธรรมชาติ เช่น การชูสามนิ้วสาบาน ต้นไม้ ฟ้าผ่า อุปกรณ์การเกษตร สัญลักษณ์ชนเผ่า กระโจม บ้าน สัญลักษณ์เพศชาย ศิวะ สัญลักษณ์การโอบล้อม ถ้าใช้เป็นการภายในหมายถึงเดลต้า การป้องกัน มั่นคง ถ้าใช้กับคู่ศึก หมายถึง การล้อมไว้หมดแล้ว เหลือทางเลือกสายเดียว C ถอยไป และเดลต้า หมายถึงการโอบล้อม ป้องกัน อัลฟ่า ซึ่งหมายถึง บ้าน หรือกระโจม เดลต้า ทู ทู ยังมีความหมายถึง ดาวดาวิด ที่เป็นสามเหลี่ยมสองอันซ้อนกัน สาม สอง สอง ยังหมายได้ถึงองค์ 4 เสาโรมันสี่ต้น และ 3 ผลรวม เท่ากับความตายจากความผิดบาปทั้ง 7 ส่วนกลับข้างเคียงที่ขาดหาย 6 สัญลักษณ์ เครื่องหมาย OK ซาตาน และ แปด ความคงอยู่ อัลฟ่า และ นีโอนาซี ตัวเลขในตารางธาตุเป็นสิ่งที่อลูมิเนติใช้กันมากที่สุดในการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากส่วนใหญ่มีความรู้ทางวิทยาการสูง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ตัวเลขและเครื่องหมายเชิงสัญลักษณ์ ในการสะกดจิตผู้คนได้ และนิยมใช้กันมากในวงการ อินฟอร์เมชั่น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทำงานด้านการข่าว รัฐประศานศาสตร์ นิติศาสตร์ การต่างประเทศควรศึกษาเป็นความรู้เสริม อันนี้เป็นข้อมูลเพียงแค่เบื้องต้นจากการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับอลูมินาตินะครับ คนที่เป็นจริงๆน่าจะต้องศึกษาลึกกว่านี้มาก การเรียนรู้ข้อมูลเบื้องต้นจะมีผลต่อสมองในการคิดวิเคราะห์และเชื่อมโยงข้อมูล ข้อควรระวัง การศึกษาเชื่อมโยงข้อมูลระดับที่ลึกเกินไป สมองอาจจะลัดวงจรได้ เพราะจะเจอข้อมูลการเชื่อมโยงจำนวนมหาศาลที่อลูมินาติรุ่นพันปีก่อนสร้างการเชื่อมโยงไว้ และอาจมีอาการเหมือน ศาสตราจารย์ จอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ เจ้าของ ทฤษฎีเกม จีบสาวได้
คำว่าคุณธรรม ในภาษาจีน มีรากมาจาก ชะตาฟ้า สี่ตา มิติทั้งสี่จ้องมองอยู่ หรือ ดวงตาเห็นธรรม
คำว่า วู ในภาษาจีน ตรงกับคำว่า เพ็นตา หรือ ห้า ซึ่งเพนตาก้อนใช้คัมภีร์ของซุนวูได้ในระดับเลิศภพจบแดน ทำให้อเมริกาครองโลกมาจนถึงวันนี้ และมีการสอนหลักการของซุนวูในโรงเรียนนายร้อยเวสป้อยท์
รากศัพท์ของคำๆนึง น่าสนใจมาก คือคำว่า ลาวด์ ราวน์ ลอร์ด แลน จ้าว เจ้า เจ๊า ซึ่งมีความหมายว่า ใหญ่ เสียงดัง เป็นจ้าว ผู้นำ ผู้ถือครอง เจ้าที่ดิน แกนนำ ผู้นำทาง ผู้นำหน้า เจ้าบ้าน คำๆนี้มีรากศัพท์ในหลายภาษา เช่นเดียวกับคำว่า รัน แรน แรน แล่น แร็นซ์ ลา ลาน ล้าน ซาน ซา ซาร์ ซี สาม ไตร ซาม ชาร์ม ชา
ทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง ซึ่งมีน้ำพุร้อน และลำธารในภูเขาด้วย มีระดับความลึกเฉลี่ย 1.5 เมตร ซึ่งเป็นความสูงเฉลี่ยของ ปลาโลมาอิรวดี ปลาบึก แมนนาที พะยูน และมนุษย์ และในภาคอีสานตอนกลางของประเทศไทย มีชั้นเกลือ อยู่ถึง 3 ชั้น ซึ่งเป็นแหล่งนึงที่น่าจะมีส่วนสำคัญเกี่ยวพันกับวิวัฒนาการของมนุษย์ในการขึ้นจากน้ำ มาอาศัยอยู่บนบก ร่องแม่น้ำโขงยังมาจากเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งประเทศอินเดียเป็นแหล่งนึงที่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่หลากหลายที่สุด เกี่ยวพันไปถึงชาว อารยัน หรือแขกขาว ที่มีเชื่อสายเปอร์เซีย เป็นญาติใกล้ชิดกับ เผ่าอารยันในเยอรมัน ชาวโซเวียต และชาวยุโรป นอกจากนี่ชาวภูฏาน และชาวธิเบต ยังหน้าตาค่อนมาทาง ชาวเกาหลี จีน ญี่ปุ่น ชาวไต ต้าลี่ ไทยใหญ่ ภูไท เผ่าไป๋ และชาวเขาทางตอนเหนือของไทย หน้าตาจะคล้ายทั้งชาวอินเดียนแดงและชาวธิเบต ชาวมอญจะหน้าตาคล้ายแขกขาว ส่วนชาวทมิฬในศรีลังกาจะตัวใหญ่คล้ายชาวแอฟริกา และคนในภาคใต้ของไทย พม่า และชาวเขมร ซึ่งมีซาไก ที่เป็นญาติใกล้ชิดกับ ชาวอะบอริจินชนพื้นเมืองในออสเตรเลีย ส่วนชาวไทยส่วนใหญ่จะหน้าตาคล้ายกับชาวฟิลิปปินส์มาก ในตำนานของอินเดียธิเบต จะมี แชงกรีล่า ซึ่งเป็น จุด nirvana นาวานิพพานแห่งจุดกำเหนิดของมนุษย์ ทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง อาจจะเป็นสวนเอเดน ADEN หรือ EDEN ในพระคัมภีร์ มนุษย์คือวิหารของพระเจ้า แต่ผลไม้ที่เร่งเอสโตรเจนให้เกิดการแยกเป็นเพศหญิงเพศชายในบริเวณนี้เป็นมะพร้าว ไม่ใช่แอปเปิ้ลซึ่งเร่งเอสโตรเจนได้เช่นกัน แต่มะพร้าวมีช่วงเวลาในการย่อยสลายเปลือกนานมาก และจะเกิดแบดทีเรียมะพร้าวขึ้น ซึ่งตามข้อมูลทางวทยาศาสตร์ ไมโตคอนเดรียที่ให้พลังงานในเซลล์มนุษย์วิวัฒนาการมาจากแบดทีเรีย ซึ่งถ่ายทอดในสายทางเพศหญิงเท่านั้น ซึ่งผู้ชายจะได้รับการถ่ายทอดไมโตคอนเดรียจากแม่ที่ให้กำเหนิดและให้นมด้วย นมแม่เป็นไขมันที่มีส่วนคล้ายกระทิอยู่หลายประการ กำลังมีการพัฒนาน้ำกระทิสำหรับการใช้เลี้ยงทารกจำหน่ายเป็นกระป๋อง แต่ยังอยู่ในวงจำกัด
กำมะถัน สารสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ในจังหวัดที่มีกำมะถันในดินต่ำได้ โดยเฉพาะจังหวัดในภาคอีสาน ที่ดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย และขาดอินทรีย์สารอย่างรุนแรง ความน่ากลัวของการ GMO อาจแก้ไขได้ด้วย กำมะถัน กับการทำละลายด้วย น้ำมันมะพร้าว จาก กะทิ ซึ่งจะมีสารเร่งเอสโตรเจนด้วย
กำมะถัน สารสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ในจังหวัดที่มีกำมะถันในดินต่ำได้ โดยเฉพาะจังหวัดในภาคอีสาน ที่ดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย และขาดอินทรีย์สารอย่างรุนแรง ความน่ากลัวของการ GMO อาจแก้ไขได้ด้วย กำมะถัน กับการทำละลายด้วย น้ำมันมะพร้าว จาก กะทิ ซึ่งจะมีสารเร่งเอสโตรเจนด้วย
กำมะถัน สารสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ในจังหวัดที่มีกำมะถันในดินต่ำได้ โดยเฉพาะจังหวัดในภาคอีสาน ที่ดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย และขาดอินทรีย์สารอย่างรุนแรง
กำมะถัน ช่วยชำระล้าง สารพิษในชีวิตประจำวัน http://www.new-parenting.com/Vitamins-In-Vegetables-Fruits/What-is-Sulfuric-Acid.html
กำมะถัน นับได้ว่าเป็นแร่ธาตุ ที่มีความสำคัญ และมีความจำเป็น ต่อร่างกายมนุษย์ อีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากคุณสมบัติ ของแร่ธาตุกำมะถันนั้น จะช่วยในการ ชำระล้างสารพิษ ที่เป็น
อันตราย และไม่มีประโยชน์ ต่อร่างกายของเรา ออกไปนั่นเอง ดังนั้นหากร่างกาย ขาดแร่ธาตุกำมะถัน ก็จะทำให้ร่างกายของเรา มีสารพิษสะสม อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลทำให้
เกิดโรคแทรกซ้อน ได้ง่าย
จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ แร่ธาตุกำมะถัน พบว่า กำมะถัน มีคุณค่าดังต่อไปนี้
สร้างโปรตีนในร่างกาย สร้างกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
ช่วยชำระล้างสารพิษที่ไม่ดี และสารพิษที่เป็นอันตราย อาทิเช่น ควันของบุหรี่ สุรา ฯลฯ ออกจากร่างกายของเรา
ช่วยในการบำรุงรักษา เส้นผม เล็บมือ เล็บเท้า และผิวหนัง ทำให้มีสุขภาพของ เส้นผม เล็บมือ เล็บเท้า และมีผิวหนังที่สุขภาพดีสมบูรณ์แข็งแรง
มีส่วนช่วยป้องกันการแข็งตัวของเลือดได้
ช่วยให้มีไขข้อที่ดี และช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อ ปวดตามกระดูกได้ดี
มีส่วนช่วยในการผลิตสารอินซูลิน เพื่อควบคุมทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเป็นปรกติ
ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือด ช่วยเพิ่ม คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ที่ช่วยลดการ อุดตันไขมันในเส้นเลือด ทำหน้าที่ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน นอกจากนี้สาร
กำมะถันในหอมใหญ่ช่วยยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง มีฤทธิ์ป้องกันโรคภูมิแพ้และหอบหืด
เราสามารถหาแหล่งของแร่ธาตุกำมะถัน ได้จากการรับประทาน อาหารดังต่อไปนี้
เนื้อสัตว์นมไข่
อาหารประเภทผลไม้ ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย แร่ธาตุกำมะถัน อาทิเช่นทุเรียน สับปะรด อะโวคาโด นอกจากนี้ยังสามารถพบ แร่ธาตุกำมะถันได้ในนำผึ้ง อีกด้วย
อาหารประเภทผัก ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย แร่ธาตุกำมะถัน อาทิเช่น หัวหอม ขึ้นฉ่าย กะหล่ำปลี หอมหัวใหญ่ หัวไชเท้า กระเทียม สาหร่ายทะเล รำข้าว เป็นต้น
กระเทียม ที่ค่อนข้างมีกำมะถันสูงกว่าชนิดอื่น จึงอยู่ในตำราสมุนไพร เป็นยาครอบจักรวาล ช่วยเร่งการสันดาปในเซลล์ให้สมบูรณ์ เกิดค่าความร้อน ซึ่งจะมีผลต่อความดันโลหิต และ
เพิ่มภูมิต้านทานโรคด้วย ถ้าใช้ให้ถูกวิธี และปริมาณ ร่วมกับ เครื่องสั่นอุลตร้าโซนิคแบบซิงโครไนซ์รอบตัว จะมีส่วนช่วยในการลดความอ้วนได้อย่างมาก แต่ต้องตั้งสั่นครั้งละไม่เกิน
10-15 นาที
การอดอาหารส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของความดันเช่นกัน เพราะในกระบวนการดึงไขมันสะสมออกไปใช้ของร่างกาย ต้องดึงกำมะถันไปเร่งการสันดาปของไขมัน ดังนั้นผู้ที่อดอาหาร
มื้อเย็น จะมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้นในเวลานอน แต่ไขมัน และไขมันในตับจะถูกดึงอย่างช้าๆ ถ้าหากเข้านอนแต่หัวค่ำ คือ ไม่ควรเกิน 20 นาฬิกา ซึ่งจะเข้ากับหลัก ไบโอคล็อค
ในน้ำแร่จะมีแร่ธาตุหลัก ๆ อยู่ 5 ชนิด คือ แคลเซียม เกลือ (โซเดียม) แมกนีเซียม โพแทสเซียม และกำมะถัน การดื่มน้ำแร่ก็คล้ายกับกินดินโป่ง เพราะแร่ในน้ำแร่ก็มาจากดิน ถ้า
เปรียบไปก็คล้ายกับสิ่งมีชีวิตในป่าที่กินดินโป่งเอาแร่ธาตุ น้ำแร่ก็เหมือนกับยาน้ำบำรุงแร่ธาตุจากธรรมชาตินั่นเอง
ที่ควรพึงระวัง คือ
1.น้ำแร่อาจมีโซเดียมทำให้คนวัยทองความดันขึ้น แต่สภาวะความดันเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้นด้วย การอดอาหาร ความดันก็จะเพิ่มเช่นกัน แต่จะเป็นสภาวะ
การใช้พลังงานสำรอง จากตับ และไขมันสะสม
2.คนที่มีปัญหาเรื่องไตหรือทางเดินปัสสาวะไม่ค่อยดี น้ำแร่อาจไปตกตะกอนเกิดตะกรันนิ่วอุดท่อฉี่ได้
3.คนที่มีปัญหาโรคหัวใจต้องระวัง "ธาตุโพแทสเซียม" ในน้ำแร่ไปกวนหัวใจให้เต้นผิดปกติ
4.แร่บางอย่างในเด็กถ้ามากเกินไปจะเป็นพิษอย่าง "ฟลูออไรด์" ทำให้ฟันเป็นจุดด่างดำแทน
5.คนท้องต้องระวังเรื่องน้ำแร่ อัดแก๊สที่อาจทำให้ลมขึ้นเสียดท้องได้ และน้ำแร่ที่มีโลหะหนักมากอาจไปสะสมในทารกได้
และ 6.โลหะหนักปนเปื้อนในน้ำแร่สะสมในคนได้ เช่น สารหนู ตะกั่ว ปรอท แมงกานีส ซีลีเนียม
สิ่งที่อยากฝากคือ น้ำดื่มที่ดีที่สุดไม่ใช่น้ำดื่มที่ปราศจากแร่ใด ๆ เลย ซึ่งอย่างนั้นเรียกน้ำกลั่น จะใช้เติมแบตฯ รถยนต์หรือใช้ในห้องทดลองเท่านั้น แหล่งน้ำดื่มที่ดีที่สุดคือ น้ำ
ประปา น้ำกรองหรือน้ำธรรมชาติที่ไหลเวียนอยู่เสมอไม่ใช่น้ำนิ่ง ถ้าจะดื่มน้ำแร่ขอให้เลือกดูที่ข้างฉลากบอกปริมาณแร่ธาตุสำคัญ จะได้ไม่ต้องรับแร่ธาตุเกินไปกระตุ้นโรค
แต่น้ำแร่ซัลเฟอร์ ที่มีกำมะถันสูง ไม่ควรดื่ม เหมาะสำหรับการใช้อาบเพื่อรักษาโรคผิวหนังมากกว่า และเนื่องจากกำมะถัน เป็นได้ทั้งยา และถ้าสูง มีความเป็นพิษได้ จึงควรใช้อย่าง
ระมัดระวัง คือควรรับประทานจากพืชเป็นหลัก น้ำแร่ในท้องตลาดจึงมักจะไม่ระบุปริมาณกำมะถันในน้ำแร่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะน้ำแร่จากแหล่งที่อยู่
ใกล้รอยเลื่อนแผ่นดินไหว และอยู่ใกล้ภูเขาไฟ ถ้าผู้บริโภคต้องการทราบข้อมูลต้องลองติดต่อ บริษัทผู้ผลิต หรือขอข้อมูลจาก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แต่ มีการใช้กำมะถันเป็นยาฆ่าเชื้อ
ในระบบทางเดินอาหารในสัตว์มานานแล้ว แต่มนุษย์ไม่ควรสัมผัสหรือทานเข้าไปโดยตรงโดยเด็ดขาด ในร่างกายมนุษย์ มีกำมะถันเป็นส่วนประกอบ ประมาณ 175 กรัม ต่อ น้ำหนัก 70 กิโลกรัม น้อย กว่า โซเดี้ยม คลอไรด์ เล็กน้อย
ในพืช กำมะถัน ถูกใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ดังนั้น ใบไม้ ชนิดอ่อนนุ่ม ที่มีกำมะถัน ไม่สูงมาก จึงมีส่วนช่วยในการสร้างโปรตีนสมานแผลได้ แต่ถ้าสูงมากเลือดจะไม่แข็ง
ตัวง่าย
ดินกรดกำมะถันครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 5 ล้านไร่ ในบริเวณจังหวัดปทุมธานี นครนายก ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา ที่น้ำทะเลเคยท่วมถึง และจังหวัดตามชายฝั่งทะเลภาคใต้
และภาคตะวันออก จึงเหมาะที่จะปลูก ทุเรียน สับปะรด อะโวคาโด หัวหอม ขึ้นฉ่าย กะหล่ำปลี(ระวังกอยโคร์เจน ไทรอยด์) หอมหัวใหญ่ หัวไชเท้า กระเทียม และดินในจังหวัด
แถบนี้ รวมถึงจังหวัดที่อยู่ใกล้ ดินภูเขา ดินภูเขาไฟ ใกล้รอยเลื่อนแผ่นดินไหว ที่อุดมไปด้วยกำมะถัน จึงให้ ผลผลิตข้าวต่อไร่ สูงกว่าจังหวัดอื่น เช่น สุพรรณบุรี กาญจนบุรี จังหวัด
ภาคเหนือ เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ สุรินทร์ นครราชสีมาในบางอำเภอ
ชนิดของน้ำแร่ และ ผู้ที่ไม่ควรรับประทาน http://whichonedrinks.weebly.com/about-mineral-water.html
1.น้ำแร่ไบคาร์บอเนต
(Bicarbonate water)
มีปริมาณไบคาร์บอเนต> 600 มิลลิกรัมต่อลิตร ช่วยปรับให้สารคัดหลั่งที่มีฤทธิ์เป็นกรดกลายเป็นกลาง, ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำและเหลือแร่ให้แก่ร่างกาย จึงควรดื่มน้ำแร่นี้ 500-700
มิลลิลิตร ก่อนออกกำลังกายหรือทำงานที่ต้องเสียเหงื่อ เนื่องจากจะช่วยในการลดภาวะเลือดเป็นกรด
เช่นน้ำแร่ยี่ห้อ Volvic, Fiji, Snowy mountain เป็นต้น
2.น้ำแร่ซัลเฟต
(Sulfate water)
มีปริมาณ ซัลเฟต > 200 มิลลิกรัมต่อลิตร ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
น้ำแร่ชนิดนี้ได้แก่ น้ำแร่ยี่ห้อ Pi water เป็นต้น
3.น้ำแร่ซัลเฟต-ไบคาร์บอเนต
(Sulfate-bicarbonate waters)
ใช้รักษาภาวะที่การทำงานของถุงน้ำดีผิดปกติ, นิ่วในถุงน้ำดี, อาการหลังผ่าตัดถุงน้ำดี
4.น้ำแร่ซัลเฟอร์, เกลือ-ไอโอดีน, เกลือ-โบรมีน-ไอโอดีน
(Sulfurous, salt-iodine, salt-bromine-iodine waters)
มักใช้กับอวัยวะภายนอกร่างกาย เช่น การอาบ บรรเทาอาการอักเสบของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง และบรรเทาอาการทางผิวหนังบางชนิด
5.น้ำแร่ซัลเฟอร์และไบคาร์บอเนต
(Sulfurous and bicarbonate waters)
ใช้ในการรักษาโรคเบาหวาน โดยจะลดระดับน้ำตาล อาการกระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย แร่ไบคาร์บอเนต และยังช่วยลดภาวะเลือด เป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวานได้
6.น้ำแร่คลอรีน (น้ำเกลือ)
(Chlorinated water (salt water))
มีปริมาณคลอไรด์ > 200 มิลลิกรัมต่อลิตร
ช่วยในการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ กระตุ้นการหลั่งน้ำดี, บรรเทาอาการท้องผูก
7.น้ำแร่แคลเซียม
(calcium water)
มีปริมาณแคลเซียม > 150 มิลลิกรัมต่อลิตร
น้ำแร่ที่มีแคลเซียมในปริมณมากเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีความต้องการแคลเซียมในปริมาณมากกว่าคนปกติ เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ สตรีสัยหมดประจำเดือน ผู้สูงอายุ
น้ำแร่ชนิดนี้ได้แก่ น้ำแร่ยี่ห้อ Evian, Badoit เป็นต้น
8.น้ำแร่แมกนีเซียม
(Magnesium water)
มีปริมาณแมกนีเซียม > 50 มิลลิกรัมต่อลิตร
การมีแมกนีเซียมในน้ำแร่สูงจะช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำดี
9.น้ำแร่ฟลูออเรด (Fluorate water)
มีปริมาณฟลูออไรด์ > 1 มิลลิกรัมต่อลิตร
10.น้ำแร่เหล็ก(Ferrous water)
มีปริมาณเหล็กเฟอรัส > 1 มิลลิกรัมต่อลิตร
ช่วยบรรเทาอาการในภาวะโลหิตจากที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็ก
11.น้ำแร่โซเดียม(Sodium water)
ปริมาณ โซเดียม > 200 มิลลิกรัมต่อลิตร
12.น้ำแร่เกลือต่ำ(Low-salt water)
ปริมาณ โซเดียม < 20 มิลลิกรัมต่อลิตร
13.น้ำแร่คาร์บอร์นิค
(Carbonic waters)
มักใช้ในการอาบ และบรรเทาอาการของหลอดเลือดส่วนปลาย
ยาฆ่าหิด เหา และโลน http://www.healthcarethai.com/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%94-
%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%B2-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%99/
หิดเกิดจากตัวไร จะคันตอนกลางคืน และมักเป็นทั้งครอบครัว เป็นมากในผู้ที่สภาพของสิ่งแวดล้อมไม่ดี โดยเฉพาะในเวลาสงคราม และในย่านสลัม สถานสงเคราะห์ ศูนย์อพยพ ผู้
ลี้ภัย ค่ายกักกันต่างๆ เช่น คุก
1. กำมะถัน (Sulfur)
กำมะถันเป็นยารักษาโรคผิวหนังมาแต่โบราณ เป็นส่วนประกอบอยู่ในน้ำแร่ ในอดีตใช้เผากำมะถันบูชาไฟ (จุดประสงค์เพื่อให้เกิดควันฆ่าเชื้อในอากาศ) มันมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา ฆ่า
เชื้อพาราไซด์ และรักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด กำมะถันมีฤทธิ์ละลายขุย (Keratolytic) จึงใช้รักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด เช่น เรื้อนกวาง ซีโบริค เอคซีม่า รวมทั้งสิว ทั้งนี้ อาจ
จะใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ผสมกับตัวยาอื่นก็ได้ ยาที่ใช่ผสมอยู่ด้วยกันมักจะเป็นกรดซาลิซัยลิค
แต่เดิมคนไทย ใช้กำมะถันบดกับน้ำมันกระเบา หรือน้ำมันมะพร้าว เคี่ยวนิดหน่อยให้ละลายแล้วทาแก้หิด เหา และโรคผิวหนัง บางแห่งใช้บดผสมกับกล้วย ปัจจุบันกำมะถันที่ใช้
ฆ่าพยาธิ เช่น หิด เหา ทำเป็นขี้ผึ้ง ความแรง 10%กำมะถันที่ใช้รักษาโรคอื่นๆ มีความแรงน้อยลงมา และเมื่อผสมกับยาอื่น ก็ใช้ในเปอร์เซ็นต์ต่างๆ กัน และทำออกมาจำหน่ายหลายรูป
หลายแบบ ทั้งยาน้ำ ยาครีม และยาแขวนตะกอน
ข้อควรระวัง
ขี้ผึ้งกำมะถัน 10% มีฤทธิ์ระคายเคือง อาจแสบ และไม่ควรถูกตา ใช้รักษาหิดดีมาก (ไม่ใช้ฆ่าเหา เพราะไม่ควรให้ถูกใบหน้า)
รูปของยา
ชื่อการค้าเช่น มิทิกอล ชนิดขี้ผึ้ง (Mitigal oint ment) มีกำมะถัน 20%
ขี้ผึ้งกำมะถัน (ointmem of sulphur) 10% (องส์การฯ)ขนาดหลอดละ 500 กรัม
ผลึกกำมะถันก้อนไม่ละลายในน้ำ ถึงแม้จะบดละเอียดแล้วก็ตาม
กำมะถัน ใช้เป็นธาตุอาหารรอง ปรับปรุงดิน ทำให้ เพิ่มประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสง เพิ่มผลผลิตข้าวให้มากขึ้นได้ แต่ต้องใช้เทคนิคทางเคมี หรือความร้อนในการทำละลาย
หรือใช้ไขมันที่มีความเป็นด่างเช่น น้ำสบู่ช่วย แต่กำมะถันเม็ดชนิดละลายน้ำ (WG) ได้รับความนิยมมากกว่า ดังนั้น จะไม่ค่อยพบเห็น การผสมกำมะถันในปุ๋ยเคมี ที่ทำให้ดินมีความ
เป็นกรดเพิ่มขึ้น การหุงละลายด้วยน้ำมันปาล์ม แอลกอร์ฮอร์ หรือ น้ำกะทิ
นอกจากนี้เมื่อ ประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสง เพิ่มขึ้น การดูดซึมธาตุอาหารในเวลากลางวันของพืชก็จะดีขึ้นด้วย
ใช้ในการกำจัดศัตรูพืช ด้วยราคาที่ต่ำกว่ายาฆ่าแมลงทั่วไป เช่น โรค ราแป้ง ใบจุด ราสนิม ไรขาว ไรแดง ไรเหลืองส้ม ไรสนิม ไรกำมะหยี่ ไรกระเทียม
แต่การพ่นใบพืชไม่เป็นที่นิยมในเอเชีย เนื่องจากค่าความร้อนที่เกิดขึ้นสูง จะทำให้ใบไหม้ได้ง่าย จึงเหมาะที่จะใช้ในฤดู หรือพื้นที่ ที่มีอากาศเย็นมากกว่า
กำมะถันจากเปลือกไข่คั่วพอกรอบและบดละเอียดตำละเอียดน่าจะเพียงพอสำหรับผู้ที่มีที่ดินไม่มากมาย
โรคผิวหนัง
ยาสูบ ต้นทองพันชั่ง กำมะถัน ขมิ้น ไพล การะบูร น้ำมันพืช หรือ เหล้าขาว นำส่วนผสมมาตำรวมกัน
การควบคุมโรคและศัตรูพืช http://www.suansavarose.com/index.php?lite=article&qid=185651
การส่งเสริมบทบาทของ ชาวนา และ เกษตรกร เป็น หนทางหลัก ในการ เพิ่มรายได้ มาโปะรายจ่ายให้กับประเทศ
To promote the role of peasants and farmers. Primarily as a way to raise revenue to fill budget for the country.
ความน่ากลัวของการ GMO อาจแก้ไขได้ด้วย กำมะถัน กับการทำละลายด้วย น้ำมันมะพร้าว จาก กะทิ ซึ่งจะมีสารเร่งเอสโตรเจนด้วย
แต่ข้อควรระวัง คือ ควรเน้น ที่ การเสริมกำมะถัน ลงในดิน ด้วยอัตราต่ำๆ ที่ สูงกว่า น้ำแร่ และ ดิน ต้องมีอินทรีย์สาร หรือ ปุ๋ย และ ธาตุอาหารรองด้วย
กำมะถัน สารสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ในจังหวัดที่มีกำมะถันในดินต่ำได้ โดยเฉพาะจังหวัดในภาคอีสาน ที่ดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย และขาดอินทรีย์สารอย่างรุนแรง
กำมะถัน ช่วยชำระล้าง สารพิษในชีวิตประจำวัน http://www.new-parenting.com/Vitamins-In-Vegetables-Fruits/What-is-Sulfuric-Acid.html
กำมะถัน นับได้ว่าเป็นแร่ธาตุ ที่มีความสำคัญ และมีความจำเป็น ต่อร่างกายมนุษย์ อีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากคุณสมบัติ ของแร่ธาตุกำมะถันนั้น จะช่วยในการ ชำระล้างสารพิษ ที่เป็น
อันตราย และไม่มีประโยชน์ ต่อร่างกายของเรา ออกไปนั่นเอง ดังนั้นหากร่างกาย ขาดแร่ธาตุกำมะถัน ก็จะทำให้ร่างกายของเรา มีสารพิษสะสม อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลทำให้
เกิดโรคแทรกซ้อน ได้ง่าย
จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ แร่ธาตุกำมะถัน พบว่า กำมะถัน มีคุณค่าดังต่อไปนี้
สร้างโปรตีนในร่างกาย สร้างกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
ช่วยชำระล้างสารพิษที่ไม่ดี และสารพิษที่เป็นอันตราย อาทิเช่น ควันของบุหรี่ สุรา ฯลฯ ออกจากร่างกายของเรา
ช่วยในการบำรุงรักษา เส้นผม เล็บมือ เล็บเท้า และผิวหนัง ทำให้มีสุขภาพของ เส้นผม เล็บมือ เล็บเท้า และมีผิวหนังที่สุขภาพดีสมบูรณ์แข็งแรง
มีส่วนช่วยป้องกันการแข็งตัวของเลือดได้
ช่วยให้มีไขข้อที่ดี และช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อ ปวดตามกระดูกได้ดี
มีส่วนช่วยในการผลิตสารอินซูลิน เพื่อควบคุมทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเป็นปรกติ
ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือด ช่วยเพิ่ม คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ที่ช่วยลดการ อุดตันไขมันในเส้นเลือด ทำหน้าที่ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน นอกจากนี้สาร
กำมะถันในหอมใหญ่ช่วยยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง มีฤทธิ์ป้องกันโรคภูมิแพ้และหอบหืด
เราสามารถหาแหล่งของแร่ธาตุกำมะถัน ได้จากการรับประทาน อาหารดังต่อไปนี้
เนื้อสัตว์นมไข่
อาหารประเภทผลไม้ ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย แร่ธาตุกำมะถัน อาทิเช่นทุเรียน สับปะรด อะโวคาโด นอกจากนี้ยังสามารถพบ แร่ธาตุกำมะถันได้ในนำผึ้ง อีกด้วย
อาหารประเภทผัก ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย แร่ธาตุกำมะถัน อาทิเช่น หัวหอม ขึ้นฉ่าย กะหล่ำปลี หอมหัวใหญ่ หัวไชเท้า กระเทียม สาหร่ายทะเล รำข้าว เป็นต้น
กระเทียม ที่ค่อนข้างมีกำมะถันสูงกว่าชนิดอื่น จึงอยู่ในตำราสมุนไพร เป็นยาครอบจักรวาล ช่วยเร่งการสันดาปในเซลล์ให้สมบูรณ์ เกิดค่าความร้อน ซึ่งจะมีผลต่อความดันโลหิต และ
เพิ่มภูมิต้านทานโรคด้วย ถ้าใช้ให้ถูกวิธี และปริมาณ ร่วมกับ เครื่องสั่นอุลตร้าโซนิคแบบซิงโครไนซ์รอบตัว จะมีส่วนช่วยในการลดความอ้วนได้อย่างมาก แต่ต้องตั้งสั่นครั้งละไม่เกิน
10-15 นาที
การอดอาหารส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของความดันเช่นกัน เพราะในกระบวนการดึงไขมันสะสมออกไปใช้ของร่างกาย ต้องดึงกำมะถันไปเร่งการสันดาปของไขมัน ดังนั้นผู้ที่อดอาหาร
มื้อเย็น จะมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้นในเวลานอน แต่ไขมัน และไขมันในตับจะถูกดึงอย่างช้าๆ ถ้าหากเข้านอนแต่หัวค่ำ คือ ไม่ควรเกิน 20 นาฬิกา ซึ่งจะเข้ากับหลัก ไบโอคล็อค
ในน้ำแร่จะมีแร่ธาตุหลัก ๆ อยู่ 5 ชนิด คือ แคลเซียม เกลือ (โซเดียม) แมกนีเซียม โพแทสเซียม และกำมะถัน การดื่มน้ำแร่ก็คล้ายกับกินดินโป่ง เพราะแร่ในน้ำแร่ก็มาจากดิน ถ้า
เปรียบไปก็คล้ายกับสิ่งมีชีวิตในป่าที่กินดินโป่งเอาแร่ธาตุ น้ำแร่ก็เหมือนกับยาน้ำบำรุงแร่ธาตุจากธรรมชาตินั่นเอง
ที่ควรพึงระวัง คือ
1.น้ำแร่อาจมีโซเดียมทำให้คนวัยทองความดันขึ้น แต่สภาวะความดันเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้นด้วย การอดอาหาร ความดันก็จะเพิ่มเช่นกัน แต่จะเป็นสภาวะ
การใช้พลังงานสำรอง จากตับ และไขมันสะสม
2.คนที่มีปัญหาเรื่องไตหรือทางเดินปัสสาวะไม่ค่อยดี น้ำแร่อาจไปตกตะกอนเกิดตะกรันนิ่วอุดท่อฉี่ได้
3.คนที่มีปัญหาโรคหัวใจต้องระวัง "ธาตุโพแทสเซียม" ในน้ำแร่ไปกวนหัวใจให้เต้นผิดปกติ
4.แร่บางอย่างในเด็กถ้ามากเกินไปจะเป็นพิษอย่าง "ฟลูออไรด์" ทำให้ฟันเป็นจุดด่างดำแทน
5.คนท้องต้องระวังเรื่องน้ำแร่ อัดแก๊สที่อาจทำให้ลมขึ้นเสียดท้องได้ และน้ำแร่ที่มีโลหะหนักมากอาจไปสะสมในทารกได้
และ 6.โลหะหนักปนเปื้อนในน้ำแร่สะสมในคนได้ เช่น สารหนู ตะกั่ว ปรอท แมงกานีส ซีลีเนียม
สิ่งที่อยากฝากคือ น้ำดื่มที่ดีที่สุดไม่ใช่น้ำดื่มที่ปราศจากแร่ใด ๆ เลย ซึ่งอย่างนั้นเรียกน้ำกลั่น จะใช้เติมแบตฯ รถยนต์หรือใช้ในห้องทดลองเท่านั้น แหล่งน้ำดื่มที่ดีที่สุดคือ น้ำ
ประปา น้ำกรองหรือน้ำธรรมชาติที่ไหลเวียนอยู่เสมอไม่ใช่น้ำนิ่ง ถ้าจะดื่มน้ำแร่ขอให้เลือกดูที่ข้างฉลากบอกปริมาณแร่ธาตุสำคัญ จะได้ไม่ต้องรับแร่ธาตุเกินไปกระตุ้นโรค
แต่น้ำแร่ซัลเฟอร์ ที่มีกำมะถันสูง ไม่ควรดื่ม เหมาะสำหรับการใช้อาบเพื่อรักษาโรคผิวหนังมากกว่า และเนื่องจากกำมะถัน เป็นได้ทั้งยา และถ้าสูง มีความเป็นพิษได้ จึงควรใช้อย่าง
ระมัดระวัง คือควรรับประทานจากพืชเป็นหลัก น้ำแร่ในท้องตลาดจึงมักจะไม่ระบุปริมาณกำมะถันในน้ำแร่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะน้ำแร่จากแหล่งที่อยู่
ใกล้รอยเลื่อนแผ่นดินไหว และอยู่ใกล้ภูเขาไฟ ถ้าผู้บริโภคต้องการทราบข้อมูลต้องลองติดต่อ บริษัทผู้ผลิต หรือขอข้อมูลจาก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แต่ มีการใช้กำมะถันเป็นยาฆ่าเชื้อ
ในระบบทางเดินอาหารในสัตว์มานานแล้ว แต่มนุษย์ไม่ควรสัมผัสหรือทานเข้าไปโดยตรงโดยเด็ดขาด ในร่างกายมนุษย์ มีกำมะถันเป็นส่วนประกอบ ประมาณ 175 กรัม ต่อ น้ำหนัก 70 กิโลกรัม น้อย กว่า โซเดี้ยม คลอไรด์ เล็กน้อย
ในพืช กำมะถัน ถูกใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ดังนั้น ใบไม้ ชนิดอ่อนนุ่ม ที่มีกำมะถัน ไม่สูงมาก จึงมีส่วนช่วยในการสร้างโปรตีนสมานแผลได้ แต่ถ้าสูงมากเลือดจะไม่แข็ง
ตัวง่าย
ดินกรดกำมะถันครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 5 ล้านไร่ ในบริเวณจังหวัดปทุมธานี นครนายก ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา ที่น้ำทะเลเคยท่วมถึง และจังหวัดตามชายฝั่งทะเลภาคใต้
และภาคตะวันออก จึงเหมาะที่จะปลูก ทุเรียน สับปะรด อะโวคาโด หัวหอม ขึ้นฉ่าย กะหล่ำปลี(ระวังกอยโคร์เจน ไทรอยด์) หอมหัวใหญ่ หัวไชเท้า กระเทียม และดินในจังหวัด
แถบนี้ รวมถึงจังหวัดที่อยู่ใกล้ ดินภูเขา ดินภูเขาไฟ ใกล้รอยเลื่อนแผ่นดินไหว ที่อุดมไปด้วยกำมะถัน จึงให้ ผลผลิตข้าวต่อไร่ สูงกว่าจังหวัดอื่น เช่น สุพรรณบุรี กาญจนบุรี จังหวัด
ภาคเหนือ เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ สุรินทร์ นครราชสีมาในบางอำเภอ
ชนิดของน้ำแร่ และ ผู้ที่ไม่ควรรับประทาน http://whichonedrinks.weebly.com/about-mineral-water.html
1.น้ำแร่ไบคาร์บอเนต
(Bicarbonate water)
มีปริมาณไบคาร์บอเนต> 600 มิลลิกรัมต่อลิตร ช่วยปรับให้สารคัดหลั่งที่มีฤทธิ์เป็นกรดกลายเป็นกลาง, ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำและเหลือแร่ให้แก่ร่างกาย จึงควรดื่มน้ำแร่นี้ 500-700
มิลลิลิตร ก่อนออกกำลังกายหรือทำงานที่ต้องเสียเหงื่อ เนื่องจากจะช่วยในการลดภาวะเลือดเป็นกรด
เช่นน้ำแร่ยี่ห้อ Volvic, Fiji, Snowy mountain เป็นต้น
2.น้ำแร่ซัลเฟต
(Sulfate water)
มีปริมาณ ซัลเฟต > 200 มิลลิกรัมต่อลิตร ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
น้ำแร่ชนิดนี้ได้แก่ น้ำแร่ยี่ห้อ Pi water เป็นต้น
3.น้ำแร่ซัลเฟต-ไบคาร์บอเนต
(Sulfate-bicarbonate waters)
ใช้รักษาภาวะที่การทำงานของถุงน้ำดีผิดปกติ, นิ่วในถุงน้ำดี, อาการหลังผ่าตัดถุงน้ำดี
4.น้ำแร่ซัลเฟอร์, เกลือ-ไอโอดีน, เกลือ-โบรมีน-ไอโอดีน
(Sulfurous, salt-iodine, salt-bromine-iodine waters)
มักใช้กับอวัยวะภายนอกร่างกาย เช่น การอาบ บรรเทาอาการอักเสบของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง และบรรเทาอาการทางผิวหนังบางชนิด
5.น้ำแร่ซัลเฟอร์และไบคาร์บอเนต
(Sulfurous and bicarbonate waters)
ใช้ในการรักษาโรคเบาหวาน โดยจะลดระดับน้ำตาล อาการกระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย แร่ไบคาร์บอเนต และยังช่วยลดภาวะเลือด เป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวานได้
6.น้ำแร่คลอรีน (น้ำเกลือ)
(Chlorinated water (salt water))
มีปริมาณคลอไรด์ > 200 มิลลิกรัมต่อลิตร
ช่วยในการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ กระตุ้นการหลั่งน้ำดี, บรรเทาอาการท้องผูก
7.น้ำแร่แคลเซียม
(calcium water)
มีปริมาณแคลเซียม > 150 มิลลิกรัมต่อลิตร
น้ำแร่ที่มีแคลเซียมในปริมณมากเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีความต้องการแคลเซียมในปริมาณมากกว่าคนปกติ เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ สตรีสัยหมดประจำเดือน ผู้สูงอายุ
น้ำแร่ชนิดนี้ได้แก่ น้ำแร่ยี่ห้อ Evian, Badoit เป็นต้น
8.น้ำแร่แมกนีเซียม
(Magnesium water)
มีปริมาณแมกนีเซียม > 50 มิลลิกรัมต่อลิตร
การมีแมกนีเซียมในน้ำแร่สูงจะช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำดี
9.น้ำแร่ฟลูออเรด (Fluorate water)
มีปริมาณฟลูออไรด์ > 1 มิลลิกรัมต่อลิตร
10.น้ำแร่เหล็ก(Ferrous water)
มีปริมาณเหล็กเฟอรัส > 1 มิลลิกรัมต่อลิตร
ช่วยบรรเทาอาการในภาวะโลหิตจากที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็ก
11.น้ำแร่โซเดียม(Sodium water)
ปริมาณ โซเดียม > 200 มิลลิกรัมต่อลิตร
12.น้ำแร่เกลือต่ำ(Low-salt water)
ปริมาณ โซเดียม < 20 มิลลิกรัมต่อลิตร
13.น้ำแร่คาร์บอร์นิค
(Carbonic waters)
มักใช้ในการอาบ และบรรเทาอาการของหลอดเลือดส่วนปลาย
ยาฆ่าหิด เหา และโลน http://www.healthcarethai.com/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%94-
%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%B2-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%99/
หิดเกิดจากตัวไร จะคันตอนกลางคืน และมักเป็นทั้งครอบครัว เป็นมากในผู้ที่สภาพของสิ่งแวดล้อมไม่ดี โดยเฉพาะในเวลาสงคราม และในย่านสลัม สถานสงเคราะห์ ศูนย์อพยพ ผู้
ลี้ภัย ค่ายกักกันต่างๆ เช่น คุก
1. กำมะถัน (Sulfur)
กำมะถันเป็นยารักษาโรคผิวหนังมาแต่โบราณ เป็นส่วนประกอบอยู่ในน้ำแร่ ในอดีตใช้เผากำมะถันบูชาไฟ (จุดประสงค์เพื่อให้เกิดควันฆ่าเชื้อในอากาศ) มันมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา ฆ่า
เชื้อพาราไซด์ และรักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด กำมะถันมีฤทธิ์ละลายขุย (Keratolytic) จึงใช้รักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด เช่น เรื้อนกวาง ซีโบริค เอคซีม่า รวมทั้งสิว ทั้งนี้ อาจ
จะใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ผสมกับตัวยาอื่นก็ได้ ยาที่ใช่ผสมอยู่ด้วยกันมักจะเป็นกรดซาลิซัยลิค
แต่เดิมคนไทย ใช้กำมะถันบดกับน้ำมันกระเบา หรือน้ำมันมะพร้าว เคี่ยวนิดหน่อยให้ละลายแล้วทาแก้หิด เหา และโรคผิวหนัง บางแห่งใช้บดผสมกับกล้วย ปัจจุบันกำมะถันที่ใช้
ฆ่าพยาธิ เช่น หิด เหา ทำเป็นขี้ผึ้ง ความแรง 10%กำมะถันที่ใช้รักษาโรคอื่นๆ มีความแรงน้อยลงมา และเมื่อผสมกับยาอื่น ก็ใช้ในเปอร์เซ็นต์ต่างๆ กัน และทำออกมาจำหน่ายหลายรูป
หลายแบบ ทั้งยาน้ำ ยาครีม และยาแขวนตะกอน
ข้อควรระวัง
ขี้ผึ้งกำมะถัน 10% มีฤทธิ์ระคายเคือง อาจแสบ และไม่ควรถูกตา ใช้รักษาหิดดีมาก (ไม่ใช้ฆ่าเหา เพราะไม่ควรให้ถูกใบหน้า)
รูปของยา
ชื่อการค้าเช่น มิทิกอล ชนิดขี้ผึ้ง (Mitigal oint ment) มีกำมะถัน 20%
ขี้ผึ้งกำมะถัน (ointmem of sulphur) 10% (องส์การฯ)ขนาดหลอดละ 500 กรัม
ผลึกกำมะถันก้อนไม่ละลายในน้ำ ถึงแม้จะบดละเอียดแล้วก็ตาม
กำมะถัน ใช้เป็นธาตุอาหารรอง ปรับปรุงดิน ทำให้ เพิ่มประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสง เพิ่มผลผลิตข้าวให้มากขึ้นได้ แต่ต้องใช้เทคนิคทางเคมี หรือความร้อนในการทำละลาย
หรือใช้ไขมันที่มีความเป็นด่างเช่น น้ำสบู่ช่วย แต่กำมะถันเม็ดชนิดละลายน้ำ (WG) ได้รับความนิยมมากกว่า ดังนั้น จะไม่ค่อยพบเห็น การผสมกำมะถันในปุ๋ยเคมี ที่ทำให้ดินมีความ
เป็นกรดเพิ่มขึ้น การหุงละลายด้วยน้ำมันปาล์ม แอลกอร์ฮอร์ หรือ น้ำกะทิ
นอกจากนี้เมื่อ ประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสง เพิ่มขึ้น การดูดซึมธาตุอาหารในเวลากลางวันของพืชก็จะดีขึ้นด้วย
ใช้ในการกำจัดศัตรูพืช ด้วยราคาที่ต่ำกว่ายาฆ่าแมลงทั่วไป เช่น โรค ราแป้ง ใบจุด ราสนิม ไรขาว ไรแดง ไรเหลืองส้ม ไรสนิม ไรกำมะหยี่ ไรกระเทียม
แต่การพ่นใบพืชไม่เป็นที่นิยมในเอเชีย เนื่องจากค่าความร้อนที่เกิดขึ้นสูง จะทำให้ใบไหม้ได้ง่าย จึงเหมาะที่จะใช้ในฤดู หรือพื้นที่ ที่มีอากาศเย็นมากกว่า
กำมะถันจากเปลือกไข่คั่วพอกรอบและบดละเอียดตำละเอียดน่าจะเพียงพอสำหรับผู้ที่มีที่ดินไม่มากมาย
โรคผิวหนัง
ยาสูบ ต้นทองพันชั่ง กำมะถัน ขมิ้น ไพล การะบูร น้ำมันพืช หรือ เหล้าขาว นำส่วนผสมมาตำรวมกัน
การควบคุมโรคและศัตรูพืช http://www.suansavarose.com/index.php?lite=article&qid=185651
การส่งเสริมบทบาทของ ชาวนา และ เกษตรกร เป็น หนทางหลัก ในการ เพิ่มรายได้ มาโปะรายจ่ายให้กับประเทศ
To promote the role of peasants and farmers. Primarily as a way to raise revenue to fill budget for the country.
ความน่ากลัวของการ GMO อาจแก้ไขได้ด้วย กำมะถัน กับการทำละลายด้วย น้ำมันมะพร้าว จาก กะทิ ซึ่งจะมีสารเร่งเอสโตรเจนด้วย
แต่ข้อควรระวัง คือ ควรเน้น ที่ การเสริมกำมะถัน ลงในดิน ด้วยอัตราต่ำๆ ที่ สูงกว่า น้ำแร่ และ ดิน ต้องมีอินทรีย์สาร หรือ ปุ๋ย และ ธาตุอาหารรองด้วย
โครงการรับจำนำข้าว ในมิติของเศรษฐศาสตร์การค้าข้าวตราเสือโลก Rice mortgage scheme In terms of economics, trade, World Tiger brand
โครงการรับจำนำข้าว ในมิติของเศรษฐศาสตร์การค้าข้าวตราเสือโลก Rice mortgage scheme In terms of economics, trade, World Tiger brand.
เขตการค้าเสรี แนวโน้มในอนาคต ภาษีจะเป็นอุปสรรคทางการค้าที่จะมีแนวโน้มในทิศทางที่ลดลง แนวโน้มดังกล่าว บางประเทศที่บริโภคข้าว ได้เตรียมการขอโควต้าเป็นลักษณะ
แปลงนาจากกลุ่มโรงสีในบางจังหวัด ซึ่งมีทั้งการรวบรวมแปลงที่ดิน และการใส่เขียว สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง บริษัทขนาดใหญ่ของไทยบางแห่งก็เริ่มทำการซื้อ
ที่ดินเพื่อการผลิตข้าว รวมทั้งผู้ซื้อต่างประเทศได้เข้ามาซื้อถึงแปลงนาข้าวปลอดสารพิษ แปลงข้าวหอมมะลิที่มีพิกัดสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หมายถึงแนวโน้มการตั้งราคาเพื่อเจาะ
กำแพงภาษีในอนาคตจะทำให้ชาวนา และผู้ค้าข้าวเสียโอกาสทางการค้า การค้าข้าวผ่านระบบแลกเปลี่ยนสินค้า และจ่ายกันผ่านโพยก๊วนต่อไปจะเกิดผลเสียต่ออุตสาหกรรมข้าวเพิ่ม
ขึ้นได้เรื่อยๆ
นโบายรับจำนำข้าวจึงเป็นยุทธศาสตร์ชนิดทุบหม้อข้าวชนิดนึง เพราะผลประโยชน์ในวงการส่งออกนำเข้าผลผลิตทางการเกษตรผลกำไรของ 132 บริษัท ถ้าผลกำไร บริษัทละ 1000
ล้านบาท ตกปีละ ไม่ต่ำกว่า แสนล้านบาท
ตัวเลขการรับจำนำข้าว ตัวเลขการส่งออก ตัวเลขข้าวเสียหายจากน้ำท่วม ราคาและตัวเลขการส่งออกข้าวของประเทศอื่น บ่งบอกทางเศรษฐศาสตร์การค้าว่า ราคาข้าวปีนี้ ตลาดนำเข้า
ข้าวในต่างประเทศยอมรับราคาที่ขึ้นมา 5000 บาท ต่อตันแล้ว โดยจ่ายผ่านระบบโพยก๊วนมา 20000 - 22500 ล้านบาท หรือมากกว่านี้ เพื่อมาจ่าย ค่าใช้จ่าย ในการกว้านหาข้าวมาส่ง
ออก เพราะราคาที่ต่างกันกว่า 5000 บาท ต่อตัน ชาวนาก็คิดเลขเป็นเหมือนกัน ถ้าไม่ร้อนเงินจริงๆก็ไม่ขายหรอก และยินดีรอมากกว่า ข้าวที่ผู้ส่งออกพอจะหาได้ จึงไม่น่าจะเกิน 1-1.5
ล้านตัน เป็นอย่างมาก ข้าวที่ส่งออก จึงเป็นข้าวที่กว้านมาจากชาวนาในราคาสูง ส่วนนึงมาจากการใส่เขียว และข้าวในพอร์ท ของกลุ่มโรงสี คือข้าวในที่ดินของกลุ่มผู้ส่งออก โรงสี
และชาวนาที่ได้รับสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง รถไถ และ รถเกี่ยวข้าว เมื่อนำมาหักจากข้าวที่ประมูลมาจากรัฐบาล เป็นตัวเลขที่บ่งชี้ว่า ตลาดของผู้ส่งออกไม่ได้รับผลกระทบ
เพราะส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวหอมมะลินั้น ตัวเลขห่างกันเยอะ เพราะตัวเลขส่งออกข้าวหอมมะลินั้นปีละประมาณเพียง 2 แสนตัน แสดงว่า มีการส่งออกข้าวหอมมะลิมากกว่า
นั้นมาก จำนวนที่ส่งออกระดับ 2 แสนตัน เป็นเพียงจำนวนสร้างราคาอ้างอิงเพื่อการส่งออกเท่านั้น แต่ส่งออกไปในชื่อข้าวอื่นแทน และบรรดาร้านอาหารไทย ในต่างประเทศ ยอม
ให้ส่งออกในชื่ออื่นได้ แต่ข้าวหอมมะลิต้องมาจากเมืองไทย เนื่องจากโครงสร้างเดิมคือการซื้อเป็นกระสอบใหญ่ แต่ปัจจุบัน กำลังอยู่ในโครงสร้างข้าวถุง 5 กิโลกรัม และในอนาคต
จะเป็น บาร์โค๊ดระบุสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เวลาที่หน่วยงานรัฐขอตัวเลขสต๊อคข้าวของกล่มผู้ส่งออก จะรวบรวมได้ช้ามากทั้งๆที่ต้องมีบัญชีการนำข้าวเข้าออกในแต่ละวัน และ
ปัจจุบันน่าจะใช้คอมพิวเตอร์กันหมดแล้ว ตัวเลขผลประโยชน์หดหายไปไม่ต่ำกว่า แสนล้านบาท จึงยอมไปเจรจาขอขึ้นราคาข้าวจากต่างประเทศ แต่เมื่อได้มาแล้ว กลับมากดราคาส่ง
ออกเนื่องจากมีภาระการใส่เขียวต้องไปซัพพอร์ทชาวนาที่เพิ่มขึ้นโดยอ้างว่าประเทศไทยสต็อคเยอะล้นตลาด ทั้งๆที่บัฟเฟอร์ข้าวของตลาดโลกกำลังจะหมด เพื่อเก็งกำไรทิ้งช่วงให้
บัฟเฟอร์ขาด และข้าวเกิดการตึงตัวจนเกิดการฉุดราคาและจำนวนมาสามปีแล้ว ปีนี้ กลุ่มโรงสีที่รู้เรื่องว่าทำไมถึงมีการมาขอให้ใส่เขียว เริ่มศึกแย่งชิงผลการเก็งกำไร โดยมาแย่ง
ประมูลข้าวเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้จะเป็นผลประโยชน์ต่อชาวนาในระยะยาว คือชาวนารุ่นใหม่อาจจะไม่ต้องปวดหลังแล้ว เพราะระบบการปลูกข้าวรุ่นใหม่ที่มีการพัฒนาเป็นนา
โยนเพื่อแก้ปัญหาโรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท แต่ ต่อไปรัฐบาลจะเป็นฝ่ายปวดหลังแทน แต่เนื่องจากสสารหายไปจากโลกเฉยๆไม่ได้ จำนวนการสูญเสียผลประโยชน์จึงเป็น
เพียงเรื่องระยะสั้น และส่วนนึงทำกำไรจากการดูดข้าวของประเทศเพื่อนบ้านมาแล้ว ตั้งแตปี 54 คือ ปรกติไทยผลิตข้าวได้ ประมาณ 16- 18 ล้านตัน บริโภคในประเทศ 9 ล้านตัน น้ำ
ท่วมเสียหาย 5-6 ล้านตัน แต่เข้าโครงการจำนำข้าว ถึง 12 ล้านตัน หมายถึง มีการนำข้าวประเทศเพื่อนบ้านมาเข้าโครงการรับจำนำข้าว ไม่ต่ำกว่า 2- 5 ล้านตัน เป็นเงินที่กลุ่มโรงสี
ทำกำไรไปแล้วในปีแรก ไม่ต่ำกว่า 10000-25000 ล้านบาท ยังไม่รวมราคาที่เพิ่มขึ้นจากการตึงตัวในตลาดส่งออกข้าวโลก เพราะข้าวหายไปจากตลาด กว่า 17-18 ล้านตัน และโครง
สร้างการค้าข้าวเป็นการขอโควต้า เมื่อ ไทย กัมพูชา พม่า มีข้าวส่งออกน้อยลง อินเดียและเวียดนาม จึงค่อยๆปล่อยข้าว เพราะรับรู้มาล่วงหน้าแล้วว่าไทยรับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาด
ตันละ 5000 บาท เมื่อจะเกินโควต้าที่เคยส่งออก จึงเกิดการต่อรองขอราคาต่างตอบแทนเพิ่ม เมื่อส่งออกเกินจำนวนจึงฉุดราคาขายปลีกในประเทศ ซึ่งเป็นช่วงเก็งกำไรได้สูงที่สุด
ดังนั้นราคาข้าวในอัตราราคาต่างตอบแทนและราคาภายใต้ระบบโพยก๊วนจึงขึ้นมาตั้งแต่ปีแรก ตันละไม่ต่ำกว่า 500-2500บาท และมีข้าวที่ไม่ใช่ข้าวในคลังของรัฐบาลเข้าสู่ตลาด
ล่วงหน้า หรือ AFET น้อยมาก เรื่องนี้ บังคับให้กลุ่มผู้ส่งออกต้องเผ่นไปประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไปหาข้าวมาป้อนกลุ่มลูกค้าในมือ และลูกค้าในแต่ละประเทศมีจำนวนข้าวที่ต้องการ
ค่อนข้างเป็นจำนวนที่คงที่ เพราะมนุษย์ต้องกินข้าวทุกวัน ส่วนปีที่ 2 ของการรับจำนำ ราคาข้าวในอัตราราคาต่างตอบแทนและราคาภายใต้ระบบโพยก๊วน ขึ้นมาไม่ต่ำกว่า ตันละ
3000-4500 บาท เพราะกลุ่มโรงสีเริ่มหาข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาเข้าโครงการรับจำนำไม่ได้
และเรื่องข้าวเป็นสาเหตุนึงที่ประชาธิปัตย์ไม่เคยกุมเสียงของชาวนาได้ คือถึงชาวนาไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่ก็พอเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ฝ่ายที่ควรปฏิรูปคือ นโยบายพรรคประชา
ธิปัตย์ต่อคนจน และกลุ่มชาวนา รวมทั้งการหวังพึ่งระบบการเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์ เพราะสู้ทางวิศวกรรมเคมีไม่ได้ อาศัยการหันหางเสือตามทิศทางลมเดโมแครตสหรัฐ จึงไม่ใช่
เรื่องที่ควรทำเป็นอันดับแรก ทุกครั้งที่มีการจ่ายผ่านระบบโพยก๊วนในระดับหมื่นล้าน จะมีผลต่อ การเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาทเสมอ โดยเฉพาะถ้าในช่วงนั้นดัชนีเศรษฐกิจโลกไม่ได้
มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก และการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาทขึ้นลงในช่วงแคบๆ แสดงว่ามีการเฉลี่ยจ่ายเป็นเงินสกุลดอลล่าร์ เงินปอนด์ และเงินยูโร
และแนวโน้มสิ่งที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากการกดราคารับซื้อข้าวเปลือกของกลุ่มโรงสี จนข้าวเปลือกราคาตันละ 5-6000 ในขณะที่ราคาข้าวสารไม่ลดลงเลย คือ ชาวนารุ่นใหม่ จะทำการ
ขายตรง อันเนื่องมาจากระบบการสื่อสารที่ดี ชาวนาบางหมู่บ้านมีรถกระบะไว้ใช้แล้ว และข้อจำกัดเรื่องทำเลในการขายข้าวในตลาดจะเป็นอุปสรรคการขายที่ลดลง เพราะปัจจุบัน
ชาวนามีโทรศัพท์มือถือ และจะขายสินค้าผ่านเว็บ ทางอีเมลล์ และการสั่งซื้อทางโทรศัพท์ได้ไม่ยาก โรงสีที่เพียงแต่สีข้าวบรรจุถุงขายในประเทศ ถ้าไม่ปรับตัวเพื่อการส่งออก ก็จะได้
รับผลกระทบในอัตราที่สูงขึ้นตามเวลาของเทคโนโลยี
สหกรณ์ กลุ่มชาวบ้าน หลายแห่งที่มีโรงสี ก็เริ่มขายข้าวตรงกับต่างประเทศแล้วด้วย ด้วยอัตราความก้าวหน้าของโลกในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากที่จะกักผลประโยชน์ไว้กับ
คนแค่บางกลุ่มอีกต่อไป
เมื่อรวมยอดส่งออกข้าวของโลกต่อปี คูณด้วยมูลค่าแฝงทางเศรษฐศาสตร์ ตันละ 5000 บาท โครงการรับจำนำข้าวของไทย สร้างคุณค่าทางเศรษฐศาสตร์ ให้ ตลาดข้าวโลกเพิ่มขึ้น
ประมาณ 190000 ล้านบาท ในปี 2556 ที่ยอดส่งออกข้าวของโลก 38 ล้านตัน ในปี 2555 โครงการรับจำนำข้าวของไทย สร้างคุณค่าทางเศรษฐศาสตร์ ให้ ตลาดข้าวโลกเพิ่มขึ้น
ประมาณ 117000 -175500 ที่ยอดส่งออกข้าวของโลก 39 ล้านตัน รวม 2 ปี เป็นมูลค่าแฝงทางเศรษฐศาสตร์ประมาณ 307000 - 365500 ล้านบาท
ส่วนตัวเลขการส่งออกข้าวของโลก ปี 2554 มีความลึกลับซับซ้อนมาก ยังหาข้อมูลที่แท้จริงไม่ได้ อาจจะเกิดจากการที่ข้าวหายไปจากตลาดโลก สิบกว่าล้านตัน การค้าที่แท้จริงจึงซับ
ซ้อนไปด้วย เนื่องจากราคาจริงของข้าวขึ้นไปสูงมาก แนวโน้มพฤติกรรมของผู้นำเข้าข้าวจึงหดตัวลง และสั่งข้าวเพียงแค่พอขาย ไม่สั่งข้าวไว้สำรองขายเหมือนที่เคย ราคาข้าวใน
ตลาดโลกปัจจุบันที่ดิ่งลงอย่างแรงๆนี้ ถามว่า ทำไมผู้นำเข้าในต่างประเทศจึงไม่สั่งตุนไว้ คือ จริงๆแล้วพวกเขาก็อยากจะทำไว้เก็งกำไรช่วงบัฟเฟอร์โลกขาดช่วง แต่ พวกเขาหา
โควต้าไม่ได้ ส่งผลให้ตัวเลขสำรองข้าวสูงขึ้นไปอีก และถูกนำมาใช้ในการกดราคาส่งออกอีกครั้ง เพื่อการเก็งกำไรช้อนซื้อข้าวจากโครงการรับจำนำ ส่งผลให้การประมูลข้าว
กระท่อนกระแท่น ปล่อยออกมาได้ปีละไม่มาก เพราะผู้ส่งออกพยายามไม่แสดงตัวเลขความต้องการของต่างประเทศ สิ่งที่อาจจะเกิดคือ ผู้นำเข้าในต่างประเทศ จะมาตั้งบริษัทใน
ประเทศไทย เพื่อการประมูลข้าวไปขาย แต่ยังหาอาคารที่ตั้งสำนักงานไม่ได้ และอาจจะเกิด บริษัทค้าข้าวระหว่างประเทศขนาดใหญ่ แต่ต้องตั้งบริษัทในหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆแทน
และถ้าใช้ตัวเลขส่งออกประมาณการ ของปี 2554 ที่ 38 ล้านตัน หักกำลังซื้อที่หดตัว ลง 1ล้านตัน เนื่องจากราคาข้าวที่แท้จริงสูงขึ้น เพราะข้าวขาดไปจากความต้องการของตลาดโลก
17 ล้านตัน ประมาณ 40 % หรือ เกือบครึ่งนึงของความต้องการตลาดโลกในการบริโภคข้าว จะเท่ากับมีข้าวเหลือสำหรับการส่งออกในช่องทางปรกติ อยู่เพียง ประมาณ 20 ล้านตัน
ตัวเลขประมาณการที่ว่า ราคาข้าวในอัตราราคาต่างตอบแทนและราคาภายใต้ระบบโพยก๊วน ในปีแรก อาจจะขึ้นสูงกว่าประมาณการในเบื้องต้นของที่กล่าวไป เพราะโควต้าส่งออก
ขาดแคลนถึงขั้นวิกฤติ อีกทั้ง ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก อย่างเช่น อินเดีย บังคลาเทศ พม่า ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ล้วนอยู่ในโซน เขตร้อนฤดูการผลิตที่ค่อนข้างจะ
พร้อมกัน คือราคาน่าจะขึ้น ถึง 3000 บาท ต่อตัน เป็นมูลค่าแฝงทางเศรษฐศาสตร์ประมาณ 60000 ล้านบาทในเบื้องต้น ยังไม่รวมจำนวนที่มีการระดมกว้านซื้อออกจากมือของ
เกษตรกรในช่วงหลังของฤดูการผลิต ปี 2554/2555 และการประมูลในช่วงปี ซึ่งตัวเลขน่าจะถึง 5-12 ล้านตัน ตีเป็นตัวเลขประมาณการที่ 8 ล้านตัน ที่ราคาเพิ่มขึ้นมา 3500 บาทต่อตัน
จะเป็น เป็นมูลค่าแฝงทางเศรษฐศาสตร์ประมาณ 28000 ล้านบาท
รวมๆแล้ว รัฐบาลไทย ใช้เงินประมาณ 6 แสนล้านบาท ในโครงการรับจำนำข้าว ขาดทุนตัวเลขอยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท เกิดมูลค่าแฝงทางเศรษฐศาสตร์ข้าวโลกประมาณ 395000
-453500 ล้านบาท สรุปได้ว่าตัวเลขขาดทุนของรัฐบาลไทย ได้ไปอยู่ในมือของผู้ค้าข้าวไทยแล้วจำนวนมากกว่า 2 แสนล้านบาท แต่ยังมีข้าวเหลือ รอการขายอยู่ภายใต้วิศวกรรมการค้า
อีกหลายล้านตัน และมีการประมูล ออกไปไม่กี่ครั้ง ครั้งละจำนวนไม่มาก ส่วนการที่รัฐบาลจีนตกลงสั่งซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยนั้นมีผลต่อการลดความต้องการข้าวจากตลาดมืดใน
แนวชายแดน เวียดนามลง 1 ล้านตัน ส่งผลต่อการต่อรองราคาราคาข้าวในอัตราต่างตอบแทนและราคาภายใต้ระบบโพยก๊วน อยู่ที่ประมาณ 100 บาท แต่ ตัวเลขสต็อคข้าวของรัฐบาล
ไทยลดฮวบไป 1ล้านตันเช่นกัน แต่ คราวนี้ผู้ค้าข้าวไทยจะนำไปใช้ต่อรองโควต้าส่งออกในราคา ตันละประมาณ 200-300 บาท การที่คอฟโก้ของจีนซื้อ เป็นการซื้อเข้าคลังจริงๆ
แล้วน่าจะมีผลต่อราคาตลาดน้อยมาก แต่ราคาในตลาดโลกกลับไต่ระดับลง เนื่องจากหมายถึงปีนี้ ผู้ส่งออกนำไปต่อรองว่าต้องมีภาระการกว้านหาซื้อข้าวแย่งจากผู้ซื้อฝ่ายรัฐบาล จึง
ต้องขออัตราส่วนเพิ่ม เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการลดในส่วนของตัวเองมาก จึงนำไปกดราคาส่งออกลง
รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากราคาข้าว ต้องเตรียมการนำมาใช้สร้างระบบ แนวเขื่อนกั้นน้ำทะเล เทคโนโลยีของเนเธอร์แลนด์ เพื่อรักษาพื้นที่เพาะปลูก และ เมืองหลวง
ข้อมูลนี้เกิดจากการอนุมาณตามหลักตรรกศาสตร์ อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องมูลค่าทางการค้าต่างตอบแทนที่ตีเป็นจำนวนเงินได้ยาก โดยสังเกตุจากผลกำไรของบริษัทนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตรที่มีผลกำไรสูงมาก เป็นข้อมูลปรุงแต่งเพื่อให้เห็นภาพมูลค่าทางการค้า และแต่งขึ้นเปรียบเทียบเพื่อคาดหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในวงการค้าข้าว แล้วก็คนในวงการค้าข้าวจะบอกว่า กลไกตลาด ทำให้เกษตรกรขายได้ราคาที่ต่างจากราคาขายในต่างประเทศอย่างมาก เนื่องจากกว่าจะถึงลูกค้าปลายทางจะผ่านมือพ่อค้า 4-6 ทอด แต่ละช่วงการขายจะมีกำไรไม่เยอะ แต่จะมีอยู่ช่วงนึงที่ถีบราคาห่างกันมากคือ ผู้รับซื้อในต่างประเทศไปขายปลีก ซึ่งถ้าหากมีกลุ่มสหกรณ์ที่เข้มแข็งพอส่งขายปลีกในต่างประเทศ ตลาดน่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงคือ ผู้ค้าไทย และต่างประเทศต้องทำการค้าเชิงรุก คือการเข้ามาประมูลตรง และ การที่ผู้ค้าไทยจะไปตั้งสาขาขายปลีกในต่างประเทศ ช่วงที่ผ่านมาราคาโควต้าข้าวมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงสูงมากมีผลต่อตลาดต่างประเทศคาดว่าจะอยู่ในราว 40000-2แสนต่อตัน
เขตการค้าเสรี แนวโน้มในอนาคต ภาษีจะเป็นอุปสรรคทางการค้าที่จะมีแนวโน้มในทิศทางที่ลดลง แนวโน้มดังกล่าว บางประเทศที่บริโภคข้าว ได้เตรียมการขอโควต้าเป็นลักษณะ
แปลงนาจากกลุ่มโรงสีในบางจังหวัด ซึ่งมีทั้งการรวบรวมแปลงที่ดิน และการใส่เขียว สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง บริษัทขนาดใหญ่ของไทยบางแห่งก็เริ่มทำการซื้อ
ที่ดินเพื่อการผลิตข้าว รวมทั้งผู้ซื้อต่างประเทศได้เข้ามาซื้อถึงแปลงนาข้าวปลอดสารพิษ แปลงข้าวหอมมะลิที่มีพิกัดสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หมายถึงแนวโน้มการตั้งราคาเพื่อเจาะ
กำแพงภาษีในอนาคตจะทำให้ชาวนา และผู้ค้าข้าวเสียโอกาสทางการค้า การค้าข้าวผ่านระบบแลกเปลี่ยนสินค้า และจ่ายกันผ่านโพยก๊วนต่อไปจะเกิดผลเสียต่ออุตสาหกรรมข้าวเพิ่ม
ขึ้นได้เรื่อยๆ
นโบายรับจำนำข้าวจึงเป็นยุทธศาสตร์ชนิดทุบหม้อข้าวชนิดนึง เพราะผลประโยชน์ในวงการส่งออกนำเข้าผลผลิตทางการเกษตรผลกำไรของ 132 บริษัท ถ้าผลกำไร บริษัทละ 1000
ล้านบาท ตกปีละ ไม่ต่ำกว่า แสนล้านบาท
ตัวเลขการรับจำนำข้าว ตัวเลขการส่งออก ตัวเลขข้าวเสียหายจากน้ำท่วม ราคาและตัวเลขการส่งออกข้าวของประเทศอื่น บ่งบอกทางเศรษฐศาสตร์การค้าว่า ราคาข้าวปีนี้ ตลาดนำเข้า
ข้าวในต่างประเทศยอมรับราคาที่ขึ้นมา 5000 บาท ต่อตันแล้ว โดยจ่ายผ่านระบบโพยก๊วนมา 20000 - 22500 ล้านบาท หรือมากกว่านี้ เพื่อมาจ่าย ค่าใช้จ่าย ในการกว้านหาข้าวมาส่ง
ออก เพราะราคาที่ต่างกันกว่า 5000 บาท ต่อตัน ชาวนาก็คิดเลขเป็นเหมือนกัน ถ้าไม่ร้อนเงินจริงๆก็ไม่ขายหรอก และยินดีรอมากกว่า ข้าวที่ผู้ส่งออกพอจะหาได้ จึงไม่น่าจะเกิน 1-1.5
ล้านตัน เป็นอย่างมาก ข้าวที่ส่งออก จึงเป็นข้าวที่กว้านมาจากชาวนาในราคาสูง ส่วนนึงมาจากการใส่เขียว และข้าวในพอร์ท ของกลุ่มโรงสี คือข้าวในที่ดินของกลุ่มผู้ส่งออก โรงสี
และชาวนาที่ได้รับสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง รถไถ และ รถเกี่ยวข้าว เมื่อนำมาหักจากข้าวที่ประมูลมาจากรัฐบาล เป็นตัวเลขที่บ่งชี้ว่า ตลาดของผู้ส่งออกไม่ได้รับผลกระทบ
เพราะส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวหอมมะลินั้น ตัวเลขห่างกันเยอะ เพราะตัวเลขส่งออกข้าวหอมมะลินั้นปีละประมาณเพียง 2 แสนตัน แสดงว่า มีการส่งออกข้าวหอมมะลิมากกว่า
นั้นมาก จำนวนที่ส่งออกระดับ 2 แสนตัน เป็นเพียงจำนวนสร้างราคาอ้างอิงเพื่อการส่งออกเท่านั้น แต่ส่งออกไปในชื่อข้าวอื่นแทน และบรรดาร้านอาหารไทย ในต่างประเทศ ยอม
ให้ส่งออกในชื่ออื่นได้ แต่ข้าวหอมมะลิต้องมาจากเมืองไทย เนื่องจากโครงสร้างเดิมคือการซื้อเป็นกระสอบใหญ่ แต่ปัจจุบัน กำลังอยู่ในโครงสร้างข้าวถุง 5 กิโลกรัม และในอนาคต
จะเป็น บาร์โค๊ดระบุสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เวลาที่หน่วยงานรัฐขอตัวเลขสต๊อคข้าวของกล่มผู้ส่งออก จะรวบรวมได้ช้ามากทั้งๆที่ต้องมีบัญชีการนำข้าวเข้าออกในแต่ละวัน และ
ปัจจุบันน่าจะใช้คอมพิวเตอร์กันหมดแล้ว ตัวเลขผลประโยชน์หดหายไปไม่ต่ำกว่า แสนล้านบาท จึงยอมไปเจรจาขอขึ้นราคาข้าวจากต่างประเทศ แต่เมื่อได้มาแล้ว กลับมากดราคาส่ง
ออกเนื่องจากมีภาระการใส่เขียวต้องไปซัพพอร์ทชาวนาที่เพิ่มขึ้นโดยอ้างว่าประเทศไทยสต็อคเยอะล้นตลาด ทั้งๆที่บัฟเฟอร์ข้าวของตลาดโลกกำลังจะหมด เพื่อเก็งกำไรทิ้งช่วงให้
บัฟเฟอร์ขาด และข้าวเกิดการตึงตัวจนเกิดการฉุดราคาและจำนวนมาสามปีแล้ว ปีนี้ กลุ่มโรงสีที่รู้เรื่องว่าทำไมถึงมีการมาขอให้ใส่เขียว เริ่มศึกแย่งชิงผลการเก็งกำไร โดยมาแย่ง
ประมูลข้าวเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้จะเป็นผลประโยชน์ต่อชาวนาในระยะยาว คือชาวนารุ่นใหม่อาจจะไม่ต้องปวดหลังแล้ว เพราะระบบการปลูกข้าวรุ่นใหม่ที่มีการพัฒนาเป็นนา
โยนเพื่อแก้ปัญหาโรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท แต่ ต่อไปรัฐบาลจะเป็นฝ่ายปวดหลังแทน แต่เนื่องจากสสารหายไปจากโลกเฉยๆไม่ได้ จำนวนการสูญเสียผลประโยชน์จึงเป็น
เพียงเรื่องระยะสั้น และส่วนนึงทำกำไรจากการดูดข้าวของประเทศเพื่อนบ้านมาแล้ว ตั้งแตปี 54 คือ ปรกติไทยผลิตข้าวได้ ประมาณ 16- 18 ล้านตัน บริโภคในประเทศ 9 ล้านตัน น้ำ
ท่วมเสียหาย 5-6 ล้านตัน แต่เข้าโครงการจำนำข้าว ถึง 12 ล้านตัน หมายถึง มีการนำข้าวประเทศเพื่อนบ้านมาเข้าโครงการรับจำนำข้าว ไม่ต่ำกว่า 2- 5 ล้านตัน เป็นเงินที่กลุ่มโรงสี
ทำกำไรไปแล้วในปีแรก ไม่ต่ำกว่า 10000-25000 ล้านบาท ยังไม่รวมราคาที่เพิ่มขึ้นจากการตึงตัวในตลาดส่งออกข้าวโลก เพราะข้าวหายไปจากตลาด กว่า 17-18 ล้านตัน และโครง
สร้างการค้าข้าวเป็นการขอโควต้า เมื่อ ไทย กัมพูชา พม่า มีข้าวส่งออกน้อยลง อินเดียและเวียดนาม จึงค่อยๆปล่อยข้าว เพราะรับรู้มาล่วงหน้าแล้วว่าไทยรับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาด
ตันละ 5000 บาท เมื่อจะเกินโควต้าที่เคยส่งออก จึงเกิดการต่อรองขอราคาต่างตอบแทนเพิ่ม เมื่อส่งออกเกินจำนวนจึงฉุดราคาขายปลีกในประเทศ ซึ่งเป็นช่วงเก็งกำไรได้สูงที่สุด
ดังนั้นราคาข้าวในอัตราราคาต่างตอบแทนและราคาภายใต้ระบบโพยก๊วนจึงขึ้นมาตั้งแต่ปีแรก ตันละไม่ต่ำกว่า 500-2500บาท และมีข้าวที่ไม่ใช่ข้าวในคลังของรัฐบาลเข้าสู่ตลาด
ล่วงหน้า หรือ AFET น้อยมาก เรื่องนี้ บังคับให้กลุ่มผู้ส่งออกต้องเผ่นไปประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไปหาข้าวมาป้อนกลุ่มลูกค้าในมือ และลูกค้าในแต่ละประเทศมีจำนวนข้าวที่ต้องการ
ค่อนข้างเป็นจำนวนที่คงที่ เพราะมนุษย์ต้องกินข้าวทุกวัน ส่วนปีที่ 2 ของการรับจำนำ ราคาข้าวในอัตราราคาต่างตอบแทนและราคาภายใต้ระบบโพยก๊วน ขึ้นมาไม่ต่ำกว่า ตันละ
3000-4500 บาท เพราะกลุ่มโรงสีเริ่มหาข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาเข้าโครงการรับจำนำไม่ได้
และเรื่องข้าวเป็นสาเหตุนึงที่ประชาธิปัตย์ไม่เคยกุมเสียงของชาวนาได้ คือถึงชาวนาไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่ก็พอเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ฝ่ายที่ควรปฏิรูปคือ นโยบายพรรคประชา
ธิปัตย์ต่อคนจน และกลุ่มชาวนา รวมทั้งการหวังพึ่งระบบการเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์ เพราะสู้ทางวิศวกรรมเคมีไม่ได้ อาศัยการหันหางเสือตามทิศทางลมเดโมแครตสหรัฐ จึงไม่ใช่
เรื่องที่ควรทำเป็นอันดับแรก ทุกครั้งที่มีการจ่ายผ่านระบบโพยก๊วนในระดับหมื่นล้าน จะมีผลต่อ การเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาทเสมอ โดยเฉพาะถ้าในช่วงนั้นดัชนีเศรษฐกิจโลกไม่ได้
มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก และการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาทขึ้นลงในช่วงแคบๆ แสดงว่ามีการเฉลี่ยจ่ายเป็นเงินสกุลดอลล่าร์ เงินปอนด์ และเงินยูโร
และแนวโน้มสิ่งที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากการกดราคารับซื้อข้าวเปลือกของกลุ่มโรงสี จนข้าวเปลือกราคาตันละ 5-6000 ในขณะที่ราคาข้าวสารไม่ลดลงเลย คือ ชาวนารุ่นใหม่ จะทำการ
ขายตรง อันเนื่องมาจากระบบการสื่อสารที่ดี ชาวนาบางหมู่บ้านมีรถกระบะไว้ใช้แล้ว และข้อจำกัดเรื่องทำเลในการขายข้าวในตลาดจะเป็นอุปสรรคการขายที่ลดลง เพราะปัจจุบัน
ชาวนามีโทรศัพท์มือถือ และจะขายสินค้าผ่านเว็บ ทางอีเมลล์ และการสั่งซื้อทางโทรศัพท์ได้ไม่ยาก โรงสีที่เพียงแต่สีข้าวบรรจุถุงขายในประเทศ ถ้าไม่ปรับตัวเพื่อการส่งออก ก็จะได้
รับผลกระทบในอัตราที่สูงขึ้นตามเวลาของเทคโนโลยี
สหกรณ์ กลุ่มชาวบ้าน หลายแห่งที่มีโรงสี ก็เริ่มขายข้าวตรงกับต่างประเทศแล้วด้วย ด้วยอัตราความก้าวหน้าของโลกในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากที่จะกักผลประโยชน์ไว้กับ
คนแค่บางกลุ่มอีกต่อไป
เมื่อรวมยอดส่งออกข้าวของโลกต่อปี คูณด้วยมูลค่าแฝงทางเศรษฐศาสตร์ ตันละ 5000 บาท โครงการรับจำนำข้าวของไทย สร้างคุณค่าทางเศรษฐศาสตร์ ให้ ตลาดข้าวโลกเพิ่มขึ้น
ประมาณ 190000 ล้านบาท ในปี 2556 ที่ยอดส่งออกข้าวของโลก 38 ล้านตัน ในปี 2555 โครงการรับจำนำข้าวของไทย สร้างคุณค่าทางเศรษฐศาสตร์ ให้ ตลาดข้าวโลกเพิ่มขึ้น
ประมาณ 117000 -175500 ที่ยอดส่งออกข้าวของโลก 39 ล้านตัน รวม 2 ปี เป็นมูลค่าแฝงทางเศรษฐศาสตร์ประมาณ 307000 - 365500 ล้านบาท
ส่วนตัวเลขการส่งออกข้าวของโลก ปี 2554 มีความลึกลับซับซ้อนมาก ยังหาข้อมูลที่แท้จริงไม่ได้ อาจจะเกิดจากการที่ข้าวหายไปจากตลาดโลก สิบกว่าล้านตัน การค้าที่แท้จริงจึงซับ
ซ้อนไปด้วย เนื่องจากราคาจริงของข้าวขึ้นไปสูงมาก แนวโน้มพฤติกรรมของผู้นำเข้าข้าวจึงหดตัวลง และสั่งข้าวเพียงแค่พอขาย ไม่สั่งข้าวไว้สำรองขายเหมือนที่เคย ราคาข้าวใน
ตลาดโลกปัจจุบันที่ดิ่งลงอย่างแรงๆนี้ ถามว่า ทำไมผู้นำเข้าในต่างประเทศจึงไม่สั่งตุนไว้ คือ จริงๆแล้วพวกเขาก็อยากจะทำไว้เก็งกำไรช่วงบัฟเฟอร์โลกขาดช่วง แต่ พวกเขาหา
โควต้าไม่ได้ ส่งผลให้ตัวเลขสำรองข้าวสูงขึ้นไปอีก และถูกนำมาใช้ในการกดราคาส่งออกอีกครั้ง เพื่อการเก็งกำไรช้อนซื้อข้าวจากโครงการรับจำนำ ส่งผลให้การประมูลข้าว
กระท่อนกระแท่น ปล่อยออกมาได้ปีละไม่มาก เพราะผู้ส่งออกพยายามไม่แสดงตัวเลขความต้องการของต่างประเทศ สิ่งที่อาจจะเกิดคือ ผู้นำเข้าในต่างประเทศ จะมาตั้งบริษัทใน
ประเทศไทย เพื่อการประมูลข้าวไปขาย แต่ยังหาอาคารที่ตั้งสำนักงานไม่ได้ และอาจจะเกิด บริษัทค้าข้าวระหว่างประเทศขนาดใหญ่ แต่ต้องตั้งบริษัทในหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆแทน
และถ้าใช้ตัวเลขส่งออกประมาณการ ของปี 2554 ที่ 38 ล้านตัน หักกำลังซื้อที่หดตัว ลง 1ล้านตัน เนื่องจากราคาข้าวที่แท้จริงสูงขึ้น เพราะข้าวขาดไปจากความต้องการของตลาดโลก
17 ล้านตัน ประมาณ 40 % หรือ เกือบครึ่งนึงของความต้องการตลาดโลกในการบริโภคข้าว จะเท่ากับมีข้าวเหลือสำหรับการส่งออกในช่องทางปรกติ อยู่เพียง ประมาณ 20 ล้านตัน
ตัวเลขประมาณการที่ว่า ราคาข้าวในอัตราราคาต่างตอบแทนและราคาภายใต้ระบบโพยก๊วน ในปีแรก อาจจะขึ้นสูงกว่าประมาณการในเบื้องต้นของที่กล่าวไป เพราะโควต้าส่งออก
ขาดแคลนถึงขั้นวิกฤติ อีกทั้ง ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก อย่างเช่น อินเดีย บังคลาเทศ พม่า ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ล้วนอยู่ในโซน เขตร้อนฤดูการผลิตที่ค่อนข้างจะ
พร้อมกัน คือราคาน่าจะขึ้น ถึง 3000 บาท ต่อตัน เป็นมูลค่าแฝงทางเศรษฐศาสตร์ประมาณ 60000 ล้านบาทในเบื้องต้น ยังไม่รวมจำนวนที่มีการระดมกว้านซื้อออกจากมือของ
เกษตรกรในช่วงหลังของฤดูการผลิต ปี 2554/2555 และการประมูลในช่วงปี ซึ่งตัวเลขน่าจะถึง 5-12 ล้านตัน ตีเป็นตัวเลขประมาณการที่ 8 ล้านตัน ที่ราคาเพิ่มขึ้นมา 3500 บาทต่อตัน
จะเป็น เป็นมูลค่าแฝงทางเศรษฐศาสตร์ประมาณ 28000 ล้านบาท
รวมๆแล้ว รัฐบาลไทย ใช้เงินประมาณ 6 แสนล้านบาท ในโครงการรับจำนำข้าว ขาดทุนตัวเลขอยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท เกิดมูลค่าแฝงทางเศรษฐศาสตร์ข้าวโลกประมาณ 395000
-453500 ล้านบาท สรุปได้ว่าตัวเลขขาดทุนของรัฐบาลไทย ได้ไปอยู่ในมือของผู้ค้าข้าวไทยแล้วจำนวนมากกว่า 2 แสนล้านบาท แต่ยังมีข้าวเหลือ รอการขายอยู่ภายใต้วิศวกรรมการค้า
อีกหลายล้านตัน และมีการประมูล ออกไปไม่กี่ครั้ง ครั้งละจำนวนไม่มาก ส่วนการที่รัฐบาลจีนตกลงสั่งซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยนั้นมีผลต่อการลดความต้องการข้าวจากตลาดมืดใน
แนวชายแดน เวียดนามลง 1 ล้านตัน ส่งผลต่อการต่อรองราคาราคาข้าวในอัตราต่างตอบแทนและราคาภายใต้ระบบโพยก๊วน อยู่ที่ประมาณ 100 บาท แต่ ตัวเลขสต็อคข้าวของรัฐบาล
ไทยลดฮวบไป 1ล้านตันเช่นกัน แต่ คราวนี้ผู้ค้าข้าวไทยจะนำไปใช้ต่อรองโควต้าส่งออกในราคา ตันละประมาณ 200-300 บาท การที่คอฟโก้ของจีนซื้อ เป็นการซื้อเข้าคลังจริงๆ
แล้วน่าจะมีผลต่อราคาตลาดน้อยมาก แต่ราคาในตลาดโลกกลับไต่ระดับลง เนื่องจากหมายถึงปีนี้ ผู้ส่งออกนำไปต่อรองว่าต้องมีภาระการกว้านหาซื้อข้าวแย่งจากผู้ซื้อฝ่ายรัฐบาล จึง
ต้องขออัตราส่วนเพิ่ม เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการลดในส่วนของตัวเองมาก จึงนำไปกดราคาส่งออกลง
รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากราคาข้าว ต้องเตรียมการนำมาใช้สร้างระบบ แนวเขื่อนกั้นน้ำทะเล เทคโนโลยีของเนเธอร์แลนด์ เพื่อรักษาพื้นที่เพาะปลูก และ เมืองหลวง
ข้อมูลนี้เกิดจากการอนุมาณตามหลักตรรกศาสตร์ อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องมูลค่าทางการค้าต่างตอบแทนที่ตีเป็นจำนวนเงินได้ยาก โดยสังเกตุจากผลกำไรของบริษัทนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตรที่มีผลกำไรสูงมาก เป็นข้อมูลปรุงแต่งเพื่อให้เห็นภาพมูลค่าทางการค้า และแต่งขึ้นเปรียบเทียบเพื่อคาดหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในวงการค้าข้าว แล้วก็คนในวงการค้าข้าวจะบอกว่า กลไกตลาด ทำให้เกษตรกรขายได้ราคาที่ต่างจากราคาขายในต่างประเทศอย่างมาก เนื่องจากกว่าจะถึงลูกค้าปลายทางจะผ่านมือพ่อค้า 4-6 ทอด แต่ละช่วงการขายจะมีกำไรไม่เยอะ แต่จะมีอยู่ช่วงนึงที่ถีบราคาห่างกันมากคือ ผู้รับซื้อในต่างประเทศไปขายปลีก ซึ่งถ้าหากมีกลุ่มสหกรณ์ที่เข้มแข็งพอส่งขายปลีกในต่างประเทศ ตลาดน่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงคือ ผู้ค้าไทย และต่างประเทศต้องทำการค้าเชิงรุก คือการเข้ามาประมูลตรง และ การที่ผู้ค้าไทยจะไปตั้งสาขาขายปลีกในต่างประเทศ ช่วงที่ผ่านมาราคาโควต้าข้าวมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงสูงมากมีผลต่อตลาดต่างประเทศคาดว่าจะอยู่ในราว 40000-2แสนต่อตัน
ปัจจัยเสริมที่จะมีผลต่อราคาข้าว
สาเหตุนึงที่ชาวนาต้องยากจนและเป็นหนี้มาตลอดคือ การตั้งราคาข้าวเพื่อเจาะกำแพงภาษีประเทศอื่น ของกลุ่มผู้ส่งออก เพื่อให้ได้เงินตราต่างประเทศ ราคาเสนอซื้อที่กลุ่มโรงสีได้
รับจึงเป็นราคาที่หักกำไรที่แน่นอนของโควต้าส่งออกแต่ละปีไว้ ทำให้โรงสีต้องไปกดราคาอีกต่อนึง นอกจากนี้ โรงสีใหญ่ระดับจังหวัดยังตั้งราคาเดียวกันหรือใกล้เคียงกับโรงสีเล็ก
ระดับอำเภอ เพื่อรวบรวมโรงสีเล็กเข้าพอร์ท ทำให้ชาวนาไม่ค่อยจะมีทางเลือกการแข่งขันราคารับซื้อ ต้องขายข้าวในจุดที่ใกล้ที่สุด แหล่งรับซื้อพืชชนิดอื่นๆก็ไม่ค่อยจะมี อย่างเช่น
ถั่วเหลือง ประเทศไทยต้องนำเข้ามาก แต่ไม่ค่อยจะมีคนปลูก เนื่องจากมีสถานที่รับซื้อน้อย ต้นทุนการปลูกสูงกว่าราคาขาย งบประมาณการอุดหนุนการปลูกก็ไม่เพียงพอ ซึ่งถั่ว
เหลืองก็น่าจะอยู่ในโครงสร้างการทุ่มตลาดกำแพงภาษีเช่นเดียวกับข้าว ในทางกลับกันถ้าอุดหนุนภาคเกษตร เป็น ปุ๋ย ยา เครื่องจักรการเกษตร ก็จะลดการเสียเงินตราต่างประเทศได้
เช่นกัน เนื่องจากแนวโน้มราคาอาหารโลกในทิศทางที่จะเพิ่มขึ้นค่อนข้างแน่นอน เนื่องจากสภาวะอากาศ โรคระบาด และการก่อตัวของสงครามที่เริ่มมาหลายปีแล้ว สิ่งนึงที่จะใช้
ควบคุมงบประมาณการอุดหนุนภาคเกษตรได้คือ กล้องจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่ระบุพิกัดจีพีเอส และซิงค์เวลาถ่ายภาพ
และอีกส่วนนึงที่กดราคาข้าวคือ การค้าต่างตอบแทน ซึ่งเป็นโครงสร้างบาร์เตอร์เทรดของผู้ส่งออกและนำเข้าผ่านระบบโพยก๊วน คือ โควต้าการแลกเปลี่ยนของกลุ่มผู้ส่งออกจะต่ำ
กว่าความต้องการของตลาดอยู่ประมาณ 20-40% เพื่อให้ราคาขายปลีกในประเทศปลายทางดีที่สุด สัญญาการส่งออกจะไม่รับรองจำนวนสินค้าเมื่อถีงปลายทาง แต่เวลาส่งออกจะส่ง
ของเกิน กว่า 10- 20% โดยอ้างว่าส่งเผื่อไว้กันหาย และโครงสร้างของเรือขนส่งข้าวจะหาย ประมาณ 20-200 กระสอบ ขึ้นอยู่กับจำนวนท่าเรือที่แวะพักในแต่ละประเทศ ซึ่งจะหาย
ไม่ค่อยเกิน 40-50 ตัน แต่เวลาสินค้าถึงปลายทาง จะแจ้งหายเป็น 200 ตัน เพื่อเคลมประกัน ถ้าตำรวจคนไหนไปนั่งนับ มักถูกสั่งย้าย สินค้าส่วนที่เกินสัญญา จะจ่ายกันผ่านระบบ
โพยก๊วน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกลุ่มโพยก๊วน จึงเป็นที่นิยมของผู้เดินทางระหว่างประเทศ เพราะแลกเงินได้มากกว่าอัตราของธนาคาร และอัตราแลกเปลี่ยนเงิน
ตราต่างประเทศของกลุ่มโพยก๊วนจะไม่ขึ้นอยู่กับอัตราของธนาคารกลาง แต่ขึ้นอยู่กับ การได้ดุลย์การค้านอกระบบบัญชีระหว่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของ
กลุ่มโพยก๊วน จึงเป็นส่วนนึงที่จะแสดงถึงดัชนีการได้ดุลย์การค้าของประเทศ และช่องทางนี้เป็นที่นิยมของกลุ่มผู้ค้านอกบัญชี หนีภาษี และผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ และการจับกุมก็
ไม่ใช่วิธีที่จะปิดช่องทางนี้ได้ รัฐควร สนับสนุน ให้มีระบบ บาทคอยน์ที่มีอัตราแลกเปลี่ยนแบบผันแปรจากตลาดได้ เพื่อให้ได้ตัวเลขการโอนเงินระหว่างประเทศที่แท้จริง แล้วก็
แนวโน้มที่ยาเสพติดสมุนไพรบางชนิดกลายเป็นสินค้าถูกกฎหมาย ที่จะทำให้แนวโน้มการฟอกเงินลดลงได้ในอนาคต
ผู้ค้าญี่ปุ่นที่สั่งข้าวจากไทย ปฏิเสธการทำสัญญาการส่งออกที่ไม่รับรองจำนวนสินค้าเมื่อถีงปลายทาง น่าจะมาจากธรรมเนียมการค้าของญี่ปุ่นที่จะไม่เอาเปรียบชาวนา และชาวนาได้
รับการอุดหนุนจากรัฐบาลในระดับสูง อีกส่วนนึงคือ ผู้ค้าญี่ปุ่นที่ปฏิเสธการทำสัญญาการส่งออกที่ไม่รับรองจำนวนสินค้าเมื่อถีงปลายทาง จะไม่ค่อยได้รับโควต้าการส่งออก และมี
การเปลี่ยนแปลงเมื่อไทยมีท่าเรือในภาคตะวันออก ทำให้กลุ่มโรงสีสามารถพัฒนาเป็นผู้ส่งออกได้ เนื่องจากเดิมมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ท่าเรือริมน้ำของกลุ่มผู้ส่งออก และการแออัด
ของท่าเรือคลองเตย แต่ไม่ค่อยมีผลต่อราคาตลาด เนื่องจากขาดพาร์ทเนอร์ที่เป็นกลุ่มเรือขนส่งสินค้า ซึ่งผูกอยู่กับผู้ส่งออกและนำเข้า เมื่อมีการเปิดตลาดการเกษตรล่วงหน้า หรือ
AFET มีกลุ่ม NGO ไปประท้วงต่อต้านมาก เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการซ้ำเติมชาวนา เพราะผู้ค้าคนกลางที่มากช่วงขึ้น แต่ในที่สุดกลุ่ม NGO ก็ปล่อยให้เปิดได้ เนื่องจาก การ
กระจายอำนาจเม็ดเงิน ลงสู่หมู่บ้าน ที่จะทำให้กลุ่มแม่บ้านมีทุนทำข้าวถุง และสินค้าหมู่บ้านเองได้
และแนวโน้มต้นทุนทางเทคโนโลยีที่ถูกลง ที่จะทำให้ข้อมูลข่าวสารกระจายได้ง่าย แต่ยังมีอุปสรรคคือ การศึกษา และความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อภาพลวงของตลาด เนื่องจาก
ชาวนาส่วนใหญ่การศึกษาน้อย การที่จะให้พวกเขาไปฟ้องร้องรัฐจึงค่อนข้างเป็นเรื่องยาก ต้องบอกพวกเขาคร่าวๆว่าเป็นการฟ้องเอาค่าเสียหาย แต่อย่าเพิงบอกชื่อศาลให้เขารู้
เพราะชื่อที่หน่วยงานรัฐตั้งเป็นชื่อของไม้ข่มนาม จนกว่าพวกเขาจะได้คุยกับทนาย ซึ่งจะทำให้พวกเขารู้กฎหมายมากขึ้น ชาวนาที่ไม่รู้กฎหมายจะเสียเปรียบมาก ในกระบวนการ
รวบรวมที่ดิน ในต่างประเทศ ชาวนาที่เป็นมะเร็ง สามารถฟ้องร้องนำเงินมาจ่ายค่ารักษาตัวเองได้
คุณความดีของผู้ส่งออกคือ ทำให้ประเทศมีเงินตราต่างประเทศมาชดเชย การนำเข้า สินค้า ทางเทคโนโลยี และลิขสิทธิ์ แต่ทำให้เกิดระบบทาสทางเศรษฐกิจเป็นปิรามิดที่แหลมเปี๊ยบ
และเป็นการต่อสู้ทางการแลกเปลี่ยนเงินตราที่ได้มาแล้วก็หมดไป เพราะสินค้าทางทางเทคโนโลยี และลิขสิทธิ์ ต้นทุน 1 บาท แต่ขาย 100-5000บาท ที่แนวโน้มสินค้าทางเทคโนโลยี
และลิขสิทธิ์ มีแนวโน้มลดลง เนื่องจาก นโยบายรัฐของแต่ละประเทศ กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ ผลจากการตัดหนี้สูญหลังการโจมตีค่าเงินบาท ผลจากการที่กลุ่มโจรสลัดทาง
เศรษฐกิจที่ฟ้องร้องมานับร้อยประเทศ ประเทศละ 200 คดี มาเสียท่าที่เมืองไทย ซึ่งทำให้กลุ่มที่ผูกขาดเปลี่ยนแนวทางไปที่แบรนด์ และการเก็งกำไรวัตถุดิบ และการที่จีนเปิดประเทศ
กลายเป็นโรงงานของโลก อีกประการนึงที่อาจมีผลต่อการผูกขาดราคาข้าวคือความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มไทย รีพลับบลิกันกับกลุ่มทุนฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นประเทศที่มีแรงงานอาศัยอยู่ใน
เรือจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าผลผลิตทางการเกษตรที่กลุ่มทุนอุตสาหกรรมเคมีในสายของรีพลับบลิกันบริโภคราคาผลผลิดจะค่อนข้างดี ถึงดีมาก เช่น กาแฟ กิโลละหลายร้อย
บาท เมล็ดชา โป๊ยกั๊ก ชินนามอน มะรุม ยาง รำข้าว แกลบ ตันละ1000- 2000 บาท และแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมการต่อเรือ ซึ่งต้องรอผลประกอบการของอุตสาหกรรม
การขนส่ง และความนิยมการสร้างเรือชนิดพักอาศัย เพื่อรองรับภาวะไคลเมทเช้นจ์ ผลต่อการเปลี่ยนแปลงการผูกขาดราคาสินค้าอาหาร จะเป็นองค์ประกอบนึงในการเปลี่ยนแปลง
ระบบปิรามิดแนวตั้งให้เป็นปิรามิดนูนต่ำ ร่วมกับการศึกษา การบรรลุธรรมความเข้าใจที่แท้จริงต่อมายาภาพของตลาดและแต่ละอุตสาหกรรมของประชากรโลก การพัฒนาการสื่อ
สารและภาษาของโลก ซึ่งการสื่อสารและการศึกษาก็เป็นส่วนนึงของการเปลี่ยนโครงสร้างของผลประโยชน์และวิธีการหาเม็ดเงินของกลุ่มทุนระดับโลก นั่นคือความเข้าใจต่อ
อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมยาของประชากรโลก มีการออกกฏ ควบคุมสารเคมีต่อเด็กทารก ในหลายประเทศ ซึ่งกลุ่ม NGO มีอุปสรรคมากในการทำให้ประชาชนเข้าใจการ
บริโภคที่อาจจะปนเปื้อนสารพิษได้ง่าย จากโครงสร้าง โปรเซสการผลิต การใช้ และพิกัดความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ ซึ่งอุปสรรคที่สำคัญคือ หน่วยงานของรัฐในแต่ละประเทศ มีส่วน
ในการสร้างมายาภาพในการปกปิด ด้วยเหตุผลหลายประการ รวมทั้งความมั่นคง แต่โดยรวมมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผลประโยชน์ของกลุ่มบริษัทยา โดยเฉพาะ การซี
แอล การเติบโตของอุตสาหกรรมยาราคาถูกในอินเดียซึ่งเป็นแหล่งต้นกำเหนิดของยาและสมุนไพรโลก และแนวโน้มที่รัฐจะเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในการบริโภคยาในต้นทุนที่ต่ำลง
โดยมีไทยเป็นต้นแบบ ตามมาด้วย อเมริกา และจีน ซึ่งอาจผกผันกับอุตสาหกรรมการประกัน ซึ่งประเทศในยุโรปบางประเทศก็มี แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก และไทย คือตัวเร่งปฏิกิริยาที่
สำคัญของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมโลกรายนึง ซึ่งที่ผ่านมาไทยก็เป็นตัวเร่งรายนึงในการลดราคาสินค้าเทคโนโลยีจากอัตราการบริโภคเครื่องมือ
สื่อสาร และแนวโน้มที่รัฐของแต่ละประเทศจะเป็นผู้บริโภคอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้ทำให้ไมโครซอฟท์ได้ลดราคาซอฟท์แวร์ให้หน่วยงานรัฐในหลายประเทศโดยเฉพาะ ด้านการ
ศึกษา และแนวโน้มดังกล่าวทำให้ไมโครซอฟท์จำเป็นต้องสะสมหุ้นบริษัทฮาร์ดแวร์เข้าพอร์ท หรือ สะสมโดยทางอ้อม เพื่อลดอุปสรรคในการพัฒนา และทำให้ซอฟท์แวร์เกิดความ
แพร่หลาย
และในเวลาอีกเพียงไม่นานก็จะถึงช่วงเวลาที่บัฟเฟอร์ข้าวในตลาดโลกของเวลา 83 วัน สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ การทุบราคา และการเก็งกำไร ซึ่งการที่รัฐบาลสั่งให้สีข้าวเพื่อเก็บใน
โครงการของรัฐก็เพื่อสร้างภาพลวงในตลาดข้าว ปล่อยบัฟเฟอร์ในตลาดโลก และ สงครามจิตวิทยา ของการชนะโดยไม่ต้องรบ ของสงครามเดอร์ตี้บอมบ์ปิดล้อมจีน ทำให้จีนใช้
ประโยชน์เสบียงในไทยไม่ได้ ซึ่งส่งผลให้เอ็มโอยูกับจีน ไม่เคลื่อนไหวมา 2 ปี เพราะจีนต้องการให้เก็บเป็นข้าวเปลือก แต่เรื่องดังกล่าวจะทำให้รัฐอยู่ในสภาพขาดทุนอีกอย่างน้อย 2
ปี แต่โดยรวมราคาอาหารจะขยับขึ้นโดยแรงส่งจากเชื้ออุบัติใหม่ สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในปีการผลิตหน้า หลังคะแนนเสียงกลางเทอมของสหรัฐคือ รัฐอาจจะหลับตาข้างนึงปล่อยให้มี
ทรายปนในถุงข้าวเปลือก เพื่อลดผลกระทบจากรังสี ถ้าหากเกิดสงครามนิวเคลียร์ อันเนื่องมาจากการแย่งชิงพื้นที่ของอุตสาหกรรมแร่ วัตถุดิบนิวเคลียร์ และพลังงานปิโตรเคมี ใน
ยูเครน เวเนซูเอล่า อัฟกานิสถาน พม่า อินเดีย ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง และรัฐจะอุดหนุนให้มีการสร้างไซโลเก็บข้าวในพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหวก่อน เพื่อจะใช้งบประมาณ
ต่อโครงสร้างที่แข็งแรงขึ้น แต่อาจจะยังหาเหตุผลในการสร้างแหล่งสำรองอาหารให้ทนระเบิดนิวเคลียร์ยังไม่ได้ นอกจากตั้งเป็นศูนย์เก็บสำรองเมล็ดพันธุ์ เช่นโครงการโนอาร์ซี๊ด
วาลบาร์ค ของนอร์เวย์ และเอกชนที่กวาดกำไรจากโครงการข้าวของรัฐ จะมีโอกาสสร้างไซโลความมั่นคงสูงในการเก็บสำรองอาหารได้ และแนวทางนึงในการออกแบบไซโลคือ
ถมดินให้สูงโดยรอบแต่โรงเก็บสโลปอยู่ใต้ดิน เป็นบังเกอร์ และใช้ระบบโฟล์วลมหรือท่อระบายความชื้น แต่ผู้สร้างและออกแบบไซโลอาจถูกวิจารณ์ เพราะความไม่เข้าใจ ซึ่งอาจ
ต้องใช้หมอดูฮวงจุ้ยช่วยอธิบายแทน
หลังความล้มเหลวของปฏิบัติการตู้เย็น ทำให้คนที่กลัวกฏหมายยึดทรัพย์การฟอกเงิน นำเงินที่ซุกซ่อนออกมาลงทุน ฟอกให้เป็นเงินสะอาดผ่านการขายบัตรเติมเงินแบบลดแลกแจก
แถม แบบต้องการใบเสร็จว่าขายบัตรเติมเงินได้มากเท่านั้น ซึ่งดูจะเป็นช่องทางหลักที่ปลอดภัยที่สุดในการแปลงเงินเป็นผลประกอบการ โดยเฉพาะเพื่อการเปิดร้านสะดวกซื้อ ที่
เปิดกันพรึบทั่วประเทศ ดันให้รัฐเก็บภาษีทะลุ 1.5 ล้านๆต่อปี แต่นโยบายสุขภาพถ้วนหน้า นโยบายรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ นโยบายพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะแท็ปเล็ท
คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และพัฒนาด้านภาษาเพื่อเข้าสู่ AEC ทำให้เม็ดเงินภาษีดังกล่าวดูจะไม่พอเพียง และบริษัทประกันสุขภาพยังไม่พอใจเม็ดเงินที่ยังไม่เพียงพอที่จะให้ประชาชน
เข้าถึงยาที่มีคุณภาพได้ถึงแม้จะมียาจากอินเดียมาเป็นตัวช่วยแล้วก็ตาม ต้องมีการนำเข้าสินค้า และครูผู้สอนจำนวนมาก ยังไม่รวมต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายเป็นเงินอุดหนุนให้ครูซึ่งเป็น
อาชีพที่หนี้สินสูงที่สุดอีกเพราะไม่ค่อยมีช่องทางในการเพิ่มรายได้ เหมือนข้าราชการหน่วยอื่น แต่สินค้าหลักของประเทศไทยคืออาหาร และสภาพหนี้สินของเกษตรกร กำลังจะ
ฉุดกำลังการผลิตให้ลดลงไปได้เรื่อยๆ เพราะรายได้ไม่พอกับรายจ่ายที่นับวันจะเพิ่มขึ้น และต้องบริโภคสินค้าเป็นจำนวนมาก การหาวิธีผลักดันราคาอาหารดูจะเป็นทางหลักที่พอ
จะทำได้ และไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารรายใหญ่ของโลก หลายรายการ นอกจากข้าว แล้วก็มี ไก่ กุ้ง การหาวิธีทะลวงตลาดแบบนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรก อย่างกรณี มิตซุยโมโต ขาด
ทุนการเก็งกำไรในตลาดทองแดง นั้นทำให้ ตลาดทองแดงผ่อนคลายการเก็งกำไรไปได้มาก คือ ปรกติ สินค้าประเภทสินแร่นี้ ปรกติ อยู่ในมือของกลุ่มประเทศนาโต้เสียส่วนใหญ่ที่
เป็นเจ้าของสัมปทานเหมืองแร่ การขาย เขาก็จะขายให้บริษัทพาร์ทเนอร์ที่เป็นคู่ค้าที่มีสัญญาต่างตอบแทนก่อน ส่วนที่เหลือ จึงขายในตลาด ซึ่งจะมีรายย่อยมาเก็งกำไร และกลุ่ม
บริษัทญี่ปุ่นอยู่ในภาวะประสบกับปัญหาการหาทองแดงมาป้อนให้กับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งต้องแย่งกันกับ จีน เกาหลี และไต้หวันอีกหลายส่วน และโครง
สร้างคุณภาพสินค้าของญี่ปุ่น ก็ออกแบบเชิงสถาปนิกให้เกิดวงจรรีไซเคิลสูงๆแบบจีน หรือ เกาหลี ไม่ได้ ทั้งๆที่ มีวัตถุดิบที่ไม่ผ่านการคิวซีเข้าวงจรรีไซเคิลแล้วจำนวนมากก็ตาม
อย่างกรณีการเรียกรถคืนเข้าศูนย์ซ่อมของโตโยต้า นั้น ได้ผูก ลูกค้าโตโยต้าไว้กับศูนย์บริการ ซึ่งมีการเปิดศูนย์บริการได้มากเป็นอันดับหนึ่งของวงการรถยนต์ แต่โตโยต้าค่อนข้างใจ
ร้อนต่อส่วนแบ่งตลาดเรดโอเชี่ยนของกลุ่มทุนประกัน อะไหล่รถยนต์ ตัวถัง ซ่อมสีรถยนต์อย่าง ตลาดสหรัฐ เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าในประเทศอื่น แต่จะกลายเป็นงบบาน
ปลายในสหรัฐ อย่าง ฮอนด้า นั้น ไปตั้งหลัก ฐานใหญ่ที่แคนนาดา เพื่อใช้ประโยชน์ในเขตภาษีเท่านั้น แต่ทั้งนี้ ผู้ใช้รถในประเทศโลกที่สามที่มักจะมีพฤติกรรมใช้รถจนกว่าจะเสีย
ถึงจะเข้าอู่ซ่อม จึงได้รับผลกระทบไปด้วย ปัญหาความปลอดภัยของรถยนต์ จึงต้องแก้ที่โครงสร้างความอิสระของการออกแบบดีไซน์ โดยไม่ให้เป้าหมายการลดต้นทุนมาเป็นตัวบีบ
แก้โครงสร้างคอมมิสชั่นของบริษัทผลิตอะไหล่ นั่นคือต้องปรับฐานเงินเดือนในบางแผนกให้สูงพอที่จะให้แรงจูงใจของคอมมิสชั่นลดลง อีกวิธีที่จะแก้ปัญหาการแทรกซึม เพิ่ม
ความปลอดภัยให้พนักงานฝ่ายออกแบบและแผนกจัดซื้อได้คือการตั้งหมู่บ้านให้พนักงานอยู่อาศัย แล้วก็สร้างรูท โกออนไดร์ฟ เปิดเมมเบอร์ผับให้กับพนักงาน เป็นค่าใช้จ่ายเหมา
ของบริษัท พอพวกเขาต้องการประหยัดก็จะไม่ค่อยไปเที่ยวที่อื่น และมีอีกนโยบายที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้คือ สมุนไพรเบิกได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการปลูกป่าสมุนไพรได้อีกทาง
และปัจจุบัน สภาพป่าของไทย ไม่เพียงพอที่จะป้อนสมุนไพรสู่ตลาดโลกเสียแล้ว ช่องทางกฎหมายการพนันเพื่อเพิ่มเม็ดเงินภาษี ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ในขณะนี้ เพราะจะ
ไปฉุดเม็ดเงินการลงทุนของประเทศ ถนนทุกสายจะกลับเข้าสู่การฟอกเงินในบ่อนแทน อีกแนวทางนึงที่จะเพิ่มภาษีได้คือกฎหมายยาเสพติด อย่างกรณีที่อเมริกาอนุญาตให้มีการ
ขายกัญชาเพื่อการรักษาโรคได้ หรืออย่างมาเลเซีย ใบกระท่อม ยังผิดกฎหมาย แต่ทางปฏิบัติ จะไม่มีการจับกุม ถ้าไม่ใช่การค้ารายใหญ่ แต่จริงๆแล้ว ตลาดโลกต้องการปีละหลายร้อย
ตัน ส่วนการจะไปรีดภาษีจากผู้ประกอบการเพิ่มนั้นเห็นทีจะยาก ประเทศไทยมีวิศวกรรมการเงินซับซ้อน เกินกว่าจะรีดภาษีได้ง่ายๆ อย่างกรณีวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 คือชัยชนะของ
นักกู้เงินตัวจริง ที่สามารถตัดหนี้ได้มากกว่า 40-80% เม็ดเงินจริงๆของพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในบัญชี คือ เงินกู้ต่างประเทศดอกเบี้ย 4% 100 ล้าน ค่าเงินตกที่ 52บาทต่อเหรียญ
สหรัฐ หนี้เพิ่มเป็น 200 ล้าน แต่ เจ้าหนี้ ต่างประเทศ จะตัดหนี้ให้ เหลือ 40-80 ล้าน ถ้าหาทุนเพิ่ม หรือทำแผนฟื้นฟูกิจการได้ เพราะกลัวไม่ได้เงินต้นคืน แถมลดดอกให้ด้วย และ
เป็นชัยชนะของกลุ่มธนาคาร ที่ทรัพย์สิน ทั้งจากผู้กู้ และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่กู้ต่างประเทศไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดิน อาคาร บ้าน อสังหาริมทรัพย์ มากองกันอยู่ในธนาคาร
และธนาคารที่ขายหุ้นให้ต่างชาติส่วนใหญ่เป็นธนาคารเล็กๆที่ปล่อยกู้เกินมูลค่าทรัพย์สิน ธนาคารที่ล้มก็เป็นธนาคารการเมือง และยับยั้งการรวบรวมที่ดินของต่างชาติไว้ได้ ผู้ได้รับ
ผลกระทบจริงๆคือผู้ที่ไม่เข้าใจโครงสร้างทางวิศวกรรมการเงินที่บิดเบือนจากการเปิด BIBF ที่ดอกกู้ต่างประเทศถูก แต่ทำไมธนาคารไทยพากันตรึงดอกเบี้ยสูงไว้ เกิดภาพลวงตาต่อความไม่น่าลงทุนเปิดธนาคารในไทย โดยเฉพาะ พรบ.ค้ำประกันเงินฝาก ทำให้แบ็งค์เล็ก และแบ็งค์เปิดใหม่ เสียเปรียบแบ็งค์ใหญ่ ในการ
ระดมเงินฝาก และเพิกถอนการเป็นรัฐวิสาหกิจของธนาคารในเครือรัฐบาล ธนาคารออมสินซึ่งหมดโพสิชั่นในการออมเงินฝากเด็กนักเรียนเพราะไม่รับฝากเงินวันเสาร์แล้ว จึงได้
รับผลกระทบมากที่สุด อีกทั้งแบ็งค์ใหญ่มีกลุ่มหนี้ที่สามารถระดมคืนก่อนกำหนดได้มากกว่า จากโครงสร้างการส่งเสริมให้เกิดกลุ่มทุนขนาดเล็กในสังกัด และ Sme ในพอร์ทของ
การคอนโทรลหนี้ หลังวิกฤติปี 40 บริษัทต่างชาติที่ถือครองที่ดินในประเทศไทยมากที่สุด ได้แก่ บริษัทญี่ปุ่น ในย่าน บางนาตราด ที่เริ่มมาตั้งแต่สมัยนายกชาติชาย และเป็นการลง
ทุนชนิดที่ค่อนข้างจริงใจ ไม่ค่อยมีวิศวกรรม นอมินีอันซับซ้อน และส่วนใหญ่ ลงทุนกับผู้กว้างขวาง ปัจจุบันเน้นลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่มีระบบบำบัดน้ำเสีย หลังปัญหา
ระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่านที่ได้เงินสนับสนุนจากญี่ปุ่นมาซื้อที่ดินสาธารณะ และถูกริบเข้าหลวง หนี้เสียส่วนใหญ่ถูกรวมไปกองไว้ที่ ปรส.ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ อย่างกรณีเวิลด์
เทรด ของ วังเพชรบูรณ์ แต่เป็นที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯ ถูก ปรส. ฟ้องชนะ 3000 ล้าน แต่ บริษัท วังเพชบูรณ์ขายให้ กลุ่มเซ็นทรัล และกลุ่มเซ็นทรัลซื้อที่ดินสถานฑูตอังกฤษ
4000 ล้าน เมื่อมีการกระชับวงล้อม ในสมัย นายกที่เกิดที่อังกฤษ เกิดเพลิงไหม้ บริษัทประกันต้องจ่าย 3008 ล้าน ในกระบวนการรวบรวมที่ดิน ชาวนาที่ยินยอมให้ผู้อื่นมาปลูกพืช
ในที่ดินโดยไม่ได้ทำสัญญาจะมีโอกาสสูญเสียที่ดินสูง นอกจากนี้ ถ้าที่ดินของชาวนาอยู่ในเขตการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรืออยู่ในเขตแนวตัดถนน หรือตั้งเมืองใหญ่ ถ้ามีคนมา
ถามซื้อที่ดิน แล้วไม่ขาย มักจะอายุสั้นลง โดยญาติจะเป็นผู้ได้ขายแทน คือ ถ้าตัดสินใจไม่ขายทั้งๆที่ราคาดีกว่าปรกติมากๆ ก็ควรเลิกปลูกผัก ผลไม้ในสวนไว้กินเอง เพราะผู้ที่มีความรู้
ว่า ปุ๋ยเคมีมีโอกาสปนเปื้อน ไดอ็อกซินสูง อาจจะนำปุ๋ยราคาถูก สูตรฟอสเฟตสูงๆ ปนกับยาฆ่าแมลงมาหว่านในสวนให้ เนื่องจากปุ๋ยเคมีส่วนใหญ่ ผลิตจากของเหลือจากการกลั่น
น้ำมันดิบ ซึ่งค่อนข้างมีโอกาสสูงที่จะปนเปื้อน สารปรอท แคทเมี่ยม สารหนู ไดอ็อกซิน สารตะกั่ว และที่สำคัญคือยูเรเนี่ยมองค์ประกอบของฟอสฟอรัสและไนเตรตในระดับที่เป็นพิษ ซึ่งจะเร่งการเป็นมะเร็ง มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งในไข
กระดูก มะเร็งปอด เมื่อทางการจะตั้งบริษัทปุ๋ยแห่งชาติ กลุ่ม เอ็นจีโอจึงไปประท้วงกันมาก เพราะปรกติระบบราชการก็ตรวจอย่างหละหลวมอยู่แล้ว ถ้ารัฐทำเอง คงไม่ต้องพูดถึงว่า
จะทำให้ระบบตรวจสอบหมดสภาพไปด้วย แต่ทั้งนี้ หน่วยงานราชการมักจะตรวจจากตัวอย่างที่เอกชนส่งให้ และเวลาออกตรวจตามท้องตลาด เอกชนมักจะรู้กำหนดการออกตรวจ
เสมอ ผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารปลอดภัย ควรบอกรับสมาชิก หนังสือของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หรือ บริจาคให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคซักปีละร้อย เป็นการซื้อความปลอดภัยให้กับตัว
เอง และสังคม ถ้าหากพอมีเงินทำบุญ ผู้ที่ใช้ปุ๋ย ควรเลือกปุ๋ยสูตร ที่มีฟอสฟอรัส หรือ P ให้ต่ำกว่าความต้องการของพืชสักเล็กน้อย จะปลอดภัยขึ้น หรือใช้เป็นสูตรผสม มูลวัว กับปุ๋ย
เคมี ในมูลวัวจะค่อนข้างมีโปตัสเซี่ยมสูง ไนโตรเจนรองลงไป ปุ๋ยเคมีที่นำมาผสม ควรเป็นสูตร ประมาณ 20-25-15 หรือ สูตรอื่นที่ใกล้เคียง แล้วแต่สัดส่วนชนิดพืช วิธีหลีกเลี่ยงการ
สะสมสารพิษวิธีนึงคือ ลดการรับประทานผักชนิดที่มีหัวในดิน ดังนั้น ในประเทศที่ที่ดินเป็นของกองทุนรวมเสียส่วนใหญ่ หรือระบบคอม จึงมีข้อดีคือ ตัดปัญหาผลข้างเคียง ต่อชีวิต
ประชาชน ของกระบวนการรวบรวมที่ดิน
ส่วนนโยบายค่าแรง 300 นั้น ไม่ค่อยมีผลต่อเม็ดเงินภาษี แต่เพิ่มคุณภาพความเป็นอยู่ให้แรงงานระดับล่างได้ โดยเฉพาะพนักงานร้านแฟรนด์ไชน์ มีเงินเดือน 7000-8000 แต่ต้องทำ
งาน 24 ชั่วโมง แต่ปรกติ บริษัทญี่ปุ่น จะมีค่ากะกลางคืนให้อีกวันละ ประมาณ 50 บาท แต่การที่จะเพิ่มค่าแรงให้กลุ่มคนที่ทำงานหนักนั้นค่อนข้างยาก เพราะปัญหาเรื่องผล
ประกอบการ แนวทางเพิ่มผลประกอบการร้านโมเดิร์นเทรดแฟรนไชน์คือ เปิดขายสินค้าทางออนไลน์ เนื่องจากระบบหนังสือ มีข้อจำกัดจำนวนหน้า โดยให้ลูกค้าเลือกว่าจะรับทาง
ไปรษณีย์ หรือรับที่ สาขา โดยระบุรหัสสาขา ตามความได้เปรียบของระบบโลจิสติกส์ ส่วนอีกแนวทางนึงคือ โพสิชั่นของกาแฟ และ การพัฒนาอาหารกล่องให้ออกจากตลาด
ฟาสต์ฟู๊ด และปรับให้เหมาะสมกับตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ คือ ในบางประเทศที่มีการพัฒนาทางระบบสังคมกลางคืน ระบบอิเลคทรอนิกส์และ
คอมพิวเตอร์สูง ผู้บริโภคค่อนข้างต้องการพลังงานและคุณภาพอาหารสูงกว่าฟาสต์ฟู๊ดทั่วไป และคนกลุ่มนี้ค่อนข้างมีความนิยมต่อคอนเซ็ปต์การเปิดร้าน 24 ชั่วโมง
ภาคอสังหา โดยเฉพาะอาคารสูงในกรุงเทพที่สามารถสร้างต่อได้ จึงมีต้นทุนการสร้างที่ต่ำที่สุดในเอเชีย อยู่ประมาณ 20-40% และกองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ก็กวาดอสังหาเข้า
พอร์ท และตัดขายเมื่อมีกำไร ปัจจุบัน อาคารสำนักงานในกรุงเทพอยู่ในสภาพการหาพื้นที่เปิดสำนักงานเพิ่มได้ยาก เพราะขายพื้นที่ได้เกือบหมดจากการขยายตัวทางเศรษกิจ แต่ยัง
มีอาคารร้างอีกจำนวนนึงไว้รองรับการเปิด AEC แต่เหลือไม่มากแล้ว ในช่วงของการขยายตัวทางเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมาหุ้นภาคอสังหาของไทยจึงให้ผลกำไรที่แน่นอนในสายตา
ของต่างชาติที่เข้าใจว่าอสังหาไทยมีต้นทุนที่ต่ำกว่าบัญชี ส่วนวิกฤติซัพพรามน์ในอเมริกาก็เป็นเทคนิคนึงในการทำให้ต้นทุนทางอสังหาต่ำลงเช่นกัน แต่ค่อนข้างเป็นเรื่องการเมือง
และแย่งชิงผลประโยชน์ของกลุ่มทุนอสังหาฯและกลุ่มทุนการเงิน โดยทางรีพลับบลิกันใช้ประโยชน์จากวิกฤติอสังหา ทำลายความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจของเดโมแครต
เดโมแครตก็ใช้ประโยชน์ของวิกฤติยับยั้งความร้อนแรงที่เป็นฟองสบู่ภาคอสังหาและส่งผลไปยับยั้งการขยายตัวภาคอุตสาหกรรม ของรีพลับบลิกัน ยับยั้งปริมาณก๊าซคาร์บอนได
อ๊อกไซด์ และยับยั้งสภาวะแผนการควบคุมโลกด้วยสภาพอากาศ รีพลับบลิกันโจมตีกลุ่มทุนการเงินโดยใช้อสังหากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการใช้ลดต้นทุน ไปรุมกู้เงินจากธนาคาร จน
ธนาคารล้มละลายไปกว่า 40 แห่ง และประสบปัญหาการเงินกว่า 80 แห่ง ต้นทุนที่นำมาใช้สร้างอสังหา จึงเป็นต้นทุนจากธนาคาร สินทรัพย์อสังหาในอเมริกาจึงเป็นสินทรัพย์ราคา
ถูกที่รอสภาวะเศรษฐกิจเพื่อการช้อนซื้อ และคราวนี้ต้นทุนต่ำมากๆ ธนาคารที่เพียงแค่ประสบปัญหา จึงมีอสังหาอยู่ในพอร์ทจำนวนมากที่รอการขาย เรียกได้ว่าเป็นการอุ้มไว้เต็มมือ
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆในวงจรเศรษฐกิจ เนื่องจากมีหลายฝ่ายได้ประโยชน์ ผู้ได้รับผลกระทบคือผู้ที่ไม่เข้าใจสภาวะที่แท้จริงของเศรษฐกิจวิศวกรรมการเงินและอีกเรื่องนึงที่
จะมีผลต่อชาวนา และราคาข้าวคือ นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งเป็นนโยบายประชานิยมที่ออกมาแข่งกับนโยบาย ปรับค่าครองชีพให้ข้าราชการ แต่จะเริ่มมีผลต่อการปรับฐานความรู้
ของชาวนาครั้งสำคัญ ในด้านความรู้ของชาวนาบนพื้นฐานระบบสื่อสารที่ดี ในด้านวิทยาศาสตร์การเกษตร คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ กฎหมาย แต่ทั้งนี้อาจต้องใช้เวลาอีกสัก 5-10 ปี
ในการปรับปรุงโครงสร้างครู ปัญหาด้านการศึกษาเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง การแก้คือต้องปรับที่ฐานโครงสร้าง นั่นคือ การปรับฐานเงินเดือนครูให้เท่ากับหมอ จึงจะเกิดแรงจูงใจ
ในการแข่งขันเข้าสู่อาชีพครูได้ เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนครูแล้ว มหาวิทยาลัยดังๆจะเปิดหลักสูตรด้านพัฒนาการศึกษา หรือ หลักสูตรบริหารการศึกษาเพิ่มขึ้น รวมถึงหลักสูตร
ด้านการสอน และจะเป็นแรงบีบต่อ โพสิชั่นของมหาวิทยาลัยราชภัฎ ให้เข้าพอร์ทแฟรนด์ไชน์ของมหาวิทยาลัยดัง แต่การกระจุกตัวของการศึกษาในเมืองหลวงจะลดลงในระยะยาว
มหาวิทยาลัยเอกชนต้องเตรียมการปรับตัวด้วย
นโยบายเรียนฟรี 15 ปี จะทำให้ เกิดชาวนารุ่นใหม่ ที่มีความรู้ระดับ มัธยมศึกษาปีที่3- 6 ออกมาในปีนี้
แล้วก็แนวโน้มประชากรโลก
USCB ประมาณว่าประชากรโลกมีเกิน 7 พันล้านคนเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2012 ตามข้อมูลการประมาณของกองทุนประชากรสหประชาชาติ ประชากรโลกมีเกิน 7 พันล้านคน เมื่อ
วันที่ 31 ตุลาคม 2011
สถาบันการศึกษาเชิงประชากรศาสตร์ระบุว่า ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 10000 ล้านคนในอีก 36 ปีข้างหน้า
ผลการคาดคะเนปัจจุบันแสดงการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของประชากรในอนาคตอันใกล้ (แต่มีอัตราการเติบโตของประชากรลดลงสม่ำเสมอ) คาดว่าประชากรทั่วโลกจะถึงระหว่าง 7,500
ถึง 10,500 ล้านคนในปี 2050
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งๆที่พื้นที่อาคารสำนักงานตึงตัว แต่มีการลงทุนขยายพื้นที่ค่อนข้างน้อย แต่กลุ่มอสังหากลับไปรักษาดัชนีอสังหาด้วยการเพิ่มพื้นที่พักอาศัยแทนจนล้นตลาด
พฤติกรรมการลงทุนความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทุน อสังหา เคมี ชีวภาพ และอาวุธ จึงนอกจากจะใช้ทำนายแนวโน้มของสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้แล้ว ยังบ่งบอกถึงความต้องการของกลุ่มทุน
ว่า ยังไม่ต้องการกลุ่มทุนขนาดใหญ่เข้ามากลืนตลาดส่วนแบ่งของพวกเขา แต่ต้องการเม็ดเงินการลงทุน และแรงซื้อจากกลุ่ม sme และกลุ่มผู้สูงอายุจากต่างประเทศ
รับจึงเป็นราคาที่หักกำไรที่แน่นอนของโควต้าส่งออกแต่ละปีไว้ ทำให้โรงสีต้องไปกดราคาอีกต่อนึง นอกจากนี้ โรงสีใหญ่ระดับจังหวัดยังตั้งราคาเดียวกันหรือใกล้เคียงกับโรงสีเล็ก
ระดับอำเภอ เพื่อรวบรวมโรงสีเล็กเข้าพอร์ท ทำให้ชาวนาไม่ค่อยจะมีทางเลือกการแข่งขันราคารับซื้อ ต้องขายข้าวในจุดที่ใกล้ที่สุด แหล่งรับซื้อพืชชนิดอื่นๆก็ไม่ค่อยจะมี อย่างเช่น
ถั่วเหลือง ประเทศไทยต้องนำเข้ามาก แต่ไม่ค่อยจะมีคนปลูก เนื่องจากมีสถานที่รับซื้อน้อย ต้นทุนการปลูกสูงกว่าราคาขาย งบประมาณการอุดหนุนการปลูกก็ไม่เพียงพอ ซึ่งถั่ว
เหลืองก็น่าจะอยู่ในโครงสร้างการทุ่มตลาดกำแพงภาษีเช่นเดียวกับข้าว ในทางกลับกันถ้าอุดหนุนภาคเกษตร เป็น ปุ๋ย ยา เครื่องจักรการเกษตร ก็จะลดการเสียเงินตราต่างประเทศได้
เช่นกัน เนื่องจากแนวโน้มราคาอาหารโลกในทิศทางที่จะเพิ่มขึ้นค่อนข้างแน่นอน เนื่องจากสภาวะอากาศ โรคระบาด และการก่อตัวของสงครามที่เริ่มมาหลายปีแล้ว สิ่งนึงที่จะใช้
ควบคุมงบประมาณการอุดหนุนภาคเกษตรได้คือ กล้องจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่ระบุพิกัดจีพีเอส และซิงค์เวลาถ่ายภาพ
และอีกส่วนนึงที่กดราคาข้าวคือ การค้าต่างตอบแทน ซึ่งเป็นโครงสร้างบาร์เตอร์เทรดของผู้ส่งออกและนำเข้าผ่านระบบโพยก๊วน คือ โควต้าการแลกเปลี่ยนของกลุ่มผู้ส่งออกจะต่ำ
กว่าความต้องการของตลาดอยู่ประมาณ 20-40% เพื่อให้ราคาขายปลีกในประเทศปลายทางดีที่สุด สัญญาการส่งออกจะไม่รับรองจำนวนสินค้าเมื่อถีงปลายทาง แต่เวลาส่งออกจะส่ง
ของเกิน กว่า 10- 20% โดยอ้างว่าส่งเผื่อไว้กันหาย และโครงสร้างของเรือขนส่งข้าวจะหาย ประมาณ 20-200 กระสอบ ขึ้นอยู่กับจำนวนท่าเรือที่แวะพักในแต่ละประเทศ ซึ่งจะหาย
ไม่ค่อยเกิน 40-50 ตัน แต่เวลาสินค้าถึงปลายทาง จะแจ้งหายเป็น 200 ตัน เพื่อเคลมประกัน ถ้าตำรวจคนไหนไปนั่งนับ มักถูกสั่งย้าย สินค้าส่วนที่เกินสัญญา จะจ่ายกันผ่านระบบ
โพยก๊วน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกลุ่มโพยก๊วน จึงเป็นที่นิยมของผู้เดินทางระหว่างประเทศ เพราะแลกเงินได้มากกว่าอัตราของธนาคาร และอัตราแลกเปลี่ยนเงิน
ตราต่างประเทศของกลุ่มโพยก๊วนจะไม่ขึ้นอยู่กับอัตราของธนาคารกลาง แต่ขึ้นอยู่กับ การได้ดุลย์การค้านอกระบบบัญชีระหว่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของ
กลุ่มโพยก๊วน จึงเป็นส่วนนึงที่จะแสดงถึงดัชนีการได้ดุลย์การค้าของประเทศ และช่องทางนี้เป็นที่นิยมของกลุ่มผู้ค้านอกบัญชี หนีภาษี และผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ และการจับกุมก็
ไม่ใช่วิธีที่จะปิดช่องทางนี้ได้ รัฐควร สนับสนุน ให้มีระบบ บาทคอยน์ที่มีอัตราแลกเปลี่ยนแบบผันแปรจากตลาดได้ เพื่อให้ได้ตัวเลขการโอนเงินระหว่างประเทศที่แท้จริง แล้วก็
แนวโน้มที่ยาเสพติดสมุนไพรบางชนิดกลายเป็นสินค้าถูกกฎหมาย ที่จะทำให้แนวโน้มการฟอกเงินลดลงได้ในอนาคต
ผู้ค้าญี่ปุ่นที่สั่งข้าวจากไทย ปฏิเสธการทำสัญญาการส่งออกที่ไม่รับรองจำนวนสินค้าเมื่อถีงปลายทาง น่าจะมาจากธรรมเนียมการค้าของญี่ปุ่นที่จะไม่เอาเปรียบชาวนา และชาวนาได้
รับการอุดหนุนจากรัฐบาลในระดับสูง อีกส่วนนึงคือ ผู้ค้าญี่ปุ่นที่ปฏิเสธการทำสัญญาการส่งออกที่ไม่รับรองจำนวนสินค้าเมื่อถีงปลายทาง จะไม่ค่อยได้รับโควต้าการส่งออก และมี
การเปลี่ยนแปลงเมื่อไทยมีท่าเรือในภาคตะวันออก ทำให้กลุ่มโรงสีสามารถพัฒนาเป็นผู้ส่งออกได้ เนื่องจากเดิมมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ท่าเรือริมน้ำของกลุ่มผู้ส่งออก และการแออัด
ของท่าเรือคลองเตย แต่ไม่ค่อยมีผลต่อราคาตลาด เนื่องจากขาดพาร์ทเนอร์ที่เป็นกลุ่มเรือขนส่งสินค้า ซึ่งผูกอยู่กับผู้ส่งออกและนำเข้า เมื่อมีการเปิดตลาดการเกษตรล่วงหน้า หรือ
AFET มีกลุ่ม NGO ไปประท้วงต่อต้านมาก เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการซ้ำเติมชาวนา เพราะผู้ค้าคนกลางที่มากช่วงขึ้น แต่ในที่สุดกลุ่ม NGO ก็ปล่อยให้เปิดได้ เนื่องจาก การ
กระจายอำนาจเม็ดเงิน ลงสู่หมู่บ้าน ที่จะทำให้กลุ่มแม่บ้านมีทุนทำข้าวถุง และสินค้าหมู่บ้านเองได้
และแนวโน้มต้นทุนทางเทคโนโลยีที่ถูกลง ที่จะทำให้ข้อมูลข่าวสารกระจายได้ง่าย แต่ยังมีอุปสรรคคือ การศึกษา และความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อภาพลวงของตลาด เนื่องจาก
ชาวนาส่วนใหญ่การศึกษาน้อย การที่จะให้พวกเขาไปฟ้องร้องรัฐจึงค่อนข้างเป็นเรื่องยาก ต้องบอกพวกเขาคร่าวๆว่าเป็นการฟ้องเอาค่าเสียหาย แต่อย่าเพิงบอกชื่อศาลให้เขารู้
เพราะชื่อที่หน่วยงานรัฐตั้งเป็นชื่อของไม้ข่มนาม จนกว่าพวกเขาจะได้คุยกับทนาย ซึ่งจะทำให้พวกเขารู้กฎหมายมากขึ้น ชาวนาที่ไม่รู้กฎหมายจะเสียเปรียบมาก ในกระบวนการ
รวบรวมที่ดิน ในต่างประเทศ ชาวนาที่เป็นมะเร็ง สามารถฟ้องร้องนำเงินมาจ่ายค่ารักษาตัวเองได้
คุณความดีของผู้ส่งออกคือ ทำให้ประเทศมีเงินตราต่างประเทศมาชดเชย การนำเข้า สินค้า ทางเทคโนโลยี และลิขสิทธิ์ แต่ทำให้เกิดระบบทาสทางเศรษฐกิจเป็นปิรามิดที่แหลมเปี๊ยบ
และเป็นการต่อสู้ทางการแลกเปลี่ยนเงินตราที่ได้มาแล้วก็หมดไป เพราะสินค้าทางทางเทคโนโลยี และลิขสิทธิ์ ต้นทุน 1 บาท แต่ขาย 100-5000บาท ที่แนวโน้มสินค้าทางเทคโนโลยี
และลิขสิทธิ์ มีแนวโน้มลดลง เนื่องจาก นโยบายรัฐของแต่ละประเทศ กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ ผลจากการตัดหนี้สูญหลังการโจมตีค่าเงินบาท ผลจากการที่กลุ่มโจรสลัดทาง
เศรษฐกิจที่ฟ้องร้องมานับร้อยประเทศ ประเทศละ 200 คดี มาเสียท่าที่เมืองไทย ซึ่งทำให้กลุ่มที่ผูกขาดเปลี่ยนแนวทางไปที่แบรนด์ และการเก็งกำไรวัตถุดิบ และการที่จีนเปิดประเทศ
กลายเป็นโรงงานของโลก อีกประการนึงที่อาจมีผลต่อการผูกขาดราคาข้าวคือความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มไทย รีพลับบลิกันกับกลุ่มทุนฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นประเทศที่มีแรงงานอาศัยอยู่ใน
เรือจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าผลผลิตทางการเกษตรที่กลุ่มทุนอุตสาหกรรมเคมีในสายของรีพลับบลิกันบริโภคราคาผลผลิดจะค่อนข้างดี ถึงดีมาก เช่น กาแฟ กิโลละหลายร้อย
บาท เมล็ดชา โป๊ยกั๊ก ชินนามอน มะรุม ยาง รำข้าว แกลบ ตันละ1000- 2000 บาท และแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมการต่อเรือ ซึ่งต้องรอผลประกอบการของอุตสาหกรรม
การขนส่ง และความนิยมการสร้างเรือชนิดพักอาศัย เพื่อรองรับภาวะไคลเมทเช้นจ์ ผลต่อการเปลี่ยนแปลงการผูกขาดราคาสินค้าอาหาร จะเป็นองค์ประกอบนึงในการเปลี่ยนแปลง
ระบบปิรามิดแนวตั้งให้เป็นปิรามิดนูนต่ำ ร่วมกับการศึกษา การบรรลุธรรมความเข้าใจที่แท้จริงต่อมายาภาพของตลาดและแต่ละอุตสาหกรรมของประชากรโลก การพัฒนาการสื่อ
สารและภาษาของโลก ซึ่งการสื่อสารและการศึกษาก็เป็นส่วนนึงของการเปลี่ยนโครงสร้างของผลประโยชน์และวิธีการหาเม็ดเงินของกลุ่มทุนระดับโลก นั่นคือความเข้าใจต่อ
อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมยาของประชากรโลก มีการออกกฏ ควบคุมสารเคมีต่อเด็กทารก ในหลายประเทศ ซึ่งกลุ่ม NGO มีอุปสรรคมากในการทำให้ประชาชนเข้าใจการ
บริโภคที่อาจจะปนเปื้อนสารพิษได้ง่าย จากโครงสร้าง โปรเซสการผลิต การใช้ และพิกัดความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ ซึ่งอุปสรรคที่สำคัญคือ หน่วยงานของรัฐในแต่ละประเทศ มีส่วน
ในการสร้างมายาภาพในการปกปิด ด้วยเหตุผลหลายประการ รวมทั้งความมั่นคง แต่โดยรวมมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผลประโยชน์ของกลุ่มบริษัทยา โดยเฉพาะ การซี
แอล การเติบโตของอุตสาหกรรมยาราคาถูกในอินเดียซึ่งเป็นแหล่งต้นกำเหนิดของยาและสมุนไพรโลก และแนวโน้มที่รัฐจะเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในการบริโภคยาในต้นทุนที่ต่ำลง
โดยมีไทยเป็นต้นแบบ ตามมาด้วย อเมริกา และจีน ซึ่งอาจผกผันกับอุตสาหกรรมการประกัน ซึ่งประเทศในยุโรปบางประเทศก็มี แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก และไทย คือตัวเร่งปฏิกิริยาที่
สำคัญของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมโลกรายนึง ซึ่งที่ผ่านมาไทยก็เป็นตัวเร่งรายนึงในการลดราคาสินค้าเทคโนโลยีจากอัตราการบริโภคเครื่องมือ
สื่อสาร และแนวโน้มที่รัฐของแต่ละประเทศจะเป็นผู้บริโภคอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้ทำให้ไมโครซอฟท์ได้ลดราคาซอฟท์แวร์ให้หน่วยงานรัฐในหลายประเทศโดยเฉพาะ ด้านการ
ศึกษา และแนวโน้มดังกล่าวทำให้ไมโครซอฟท์จำเป็นต้องสะสมหุ้นบริษัทฮาร์ดแวร์เข้าพอร์ท หรือ สะสมโดยทางอ้อม เพื่อลดอุปสรรคในการพัฒนา และทำให้ซอฟท์แวร์เกิดความ
แพร่หลาย
และในเวลาอีกเพียงไม่นานก็จะถึงช่วงเวลาที่บัฟเฟอร์ข้าวในตลาดโลกของเวลา 83 วัน สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ การทุบราคา และการเก็งกำไร ซึ่งการที่รัฐบาลสั่งให้สีข้าวเพื่อเก็บใน
โครงการของรัฐก็เพื่อสร้างภาพลวงในตลาดข้าว ปล่อยบัฟเฟอร์ในตลาดโลก และ สงครามจิตวิทยา ของการชนะโดยไม่ต้องรบ ของสงครามเดอร์ตี้บอมบ์ปิดล้อมจีน ทำให้จีนใช้
ประโยชน์เสบียงในไทยไม่ได้ ซึ่งส่งผลให้เอ็มโอยูกับจีน ไม่เคลื่อนไหวมา 2 ปี เพราะจีนต้องการให้เก็บเป็นข้าวเปลือก แต่เรื่องดังกล่าวจะทำให้รัฐอยู่ในสภาพขาดทุนอีกอย่างน้อย 2
ปี แต่โดยรวมราคาอาหารจะขยับขึ้นโดยแรงส่งจากเชื้ออุบัติใหม่ สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในปีการผลิตหน้า หลังคะแนนเสียงกลางเทอมของสหรัฐคือ รัฐอาจจะหลับตาข้างนึงปล่อยให้มี
ทรายปนในถุงข้าวเปลือก เพื่อลดผลกระทบจากรังสี ถ้าหากเกิดสงครามนิวเคลียร์ อันเนื่องมาจากการแย่งชิงพื้นที่ของอุตสาหกรรมแร่ วัตถุดิบนิวเคลียร์ และพลังงานปิโตรเคมี ใน
ยูเครน เวเนซูเอล่า อัฟกานิสถาน พม่า อินเดีย ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง และรัฐจะอุดหนุนให้มีการสร้างไซโลเก็บข้าวในพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหวก่อน เพื่อจะใช้งบประมาณ
ต่อโครงสร้างที่แข็งแรงขึ้น แต่อาจจะยังหาเหตุผลในการสร้างแหล่งสำรองอาหารให้ทนระเบิดนิวเคลียร์ยังไม่ได้ นอกจากตั้งเป็นศูนย์เก็บสำรองเมล็ดพันธุ์ เช่นโครงการโนอาร์ซี๊ด
วาลบาร์ค ของนอร์เวย์ และเอกชนที่กวาดกำไรจากโครงการข้าวของรัฐ จะมีโอกาสสร้างไซโลความมั่นคงสูงในการเก็บสำรองอาหารได้ และแนวทางนึงในการออกแบบไซโลคือ
ถมดินให้สูงโดยรอบแต่โรงเก็บสโลปอยู่ใต้ดิน เป็นบังเกอร์ และใช้ระบบโฟล์วลมหรือท่อระบายความชื้น แต่ผู้สร้างและออกแบบไซโลอาจถูกวิจารณ์ เพราะความไม่เข้าใจ ซึ่งอาจ
ต้องใช้หมอดูฮวงจุ้ยช่วยอธิบายแทน
หลังความล้มเหลวของปฏิบัติการตู้เย็น ทำให้คนที่กลัวกฏหมายยึดทรัพย์การฟอกเงิน นำเงินที่ซุกซ่อนออกมาลงทุน ฟอกให้เป็นเงินสะอาดผ่านการขายบัตรเติมเงินแบบลดแลกแจก
แถม แบบต้องการใบเสร็จว่าขายบัตรเติมเงินได้มากเท่านั้น ซึ่งดูจะเป็นช่องทางหลักที่ปลอดภัยที่สุดในการแปลงเงินเป็นผลประกอบการ โดยเฉพาะเพื่อการเปิดร้านสะดวกซื้อ ที่
เปิดกันพรึบทั่วประเทศ ดันให้รัฐเก็บภาษีทะลุ 1.5 ล้านๆต่อปี แต่นโยบายสุขภาพถ้วนหน้า นโยบายรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ นโยบายพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะแท็ปเล็ท
คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และพัฒนาด้านภาษาเพื่อเข้าสู่ AEC ทำให้เม็ดเงินภาษีดังกล่าวดูจะไม่พอเพียง และบริษัทประกันสุขภาพยังไม่พอใจเม็ดเงินที่ยังไม่เพียงพอที่จะให้ประชาชน
เข้าถึงยาที่มีคุณภาพได้ถึงแม้จะมียาจากอินเดียมาเป็นตัวช่วยแล้วก็ตาม ต้องมีการนำเข้าสินค้า และครูผู้สอนจำนวนมาก ยังไม่รวมต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายเป็นเงินอุดหนุนให้ครูซึ่งเป็น
อาชีพที่หนี้สินสูงที่สุดอีกเพราะไม่ค่อยมีช่องทางในการเพิ่มรายได้ เหมือนข้าราชการหน่วยอื่น แต่สินค้าหลักของประเทศไทยคืออาหาร และสภาพหนี้สินของเกษตรกร กำลังจะ
ฉุดกำลังการผลิตให้ลดลงไปได้เรื่อยๆ เพราะรายได้ไม่พอกับรายจ่ายที่นับวันจะเพิ่มขึ้น และต้องบริโภคสินค้าเป็นจำนวนมาก การหาวิธีผลักดันราคาอาหารดูจะเป็นทางหลักที่พอ
จะทำได้ และไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารรายใหญ่ของโลก หลายรายการ นอกจากข้าว แล้วก็มี ไก่ กุ้ง การหาวิธีทะลวงตลาดแบบนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรก อย่างกรณี มิตซุยโมโต ขาด
ทุนการเก็งกำไรในตลาดทองแดง นั้นทำให้ ตลาดทองแดงผ่อนคลายการเก็งกำไรไปได้มาก คือ ปรกติ สินค้าประเภทสินแร่นี้ ปรกติ อยู่ในมือของกลุ่มประเทศนาโต้เสียส่วนใหญ่ที่
เป็นเจ้าของสัมปทานเหมืองแร่ การขาย เขาก็จะขายให้บริษัทพาร์ทเนอร์ที่เป็นคู่ค้าที่มีสัญญาต่างตอบแทนก่อน ส่วนที่เหลือ จึงขายในตลาด ซึ่งจะมีรายย่อยมาเก็งกำไร และกลุ่ม
บริษัทญี่ปุ่นอยู่ในภาวะประสบกับปัญหาการหาทองแดงมาป้อนให้กับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งต้องแย่งกันกับ จีน เกาหลี และไต้หวันอีกหลายส่วน และโครง
สร้างคุณภาพสินค้าของญี่ปุ่น ก็ออกแบบเชิงสถาปนิกให้เกิดวงจรรีไซเคิลสูงๆแบบจีน หรือ เกาหลี ไม่ได้ ทั้งๆที่ มีวัตถุดิบที่ไม่ผ่านการคิวซีเข้าวงจรรีไซเคิลแล้วจำนวนมากก็ตาม
อย่างกรณีการเรียกรถคืนเข้าศูนย์ซ่อมของโตโยต้า นั้น ได้ผูก ลูกค้าโตโยต้าไว้กับศูนย์บริการ ซึ่งมีการเปิดศูนย์บริการได้มากเป็นอันดับหนึ่งของวงการรถยนต์ แต่โตโยต้าค่อนข้างใจ
ร้อนต่อส่วนแบ่งตลาดเรดโอเชี่ยนของกลุ่มทุนประกัน อะไหล่รถยนต์ ตัวถัง ซ่อมสีรถยนต์อย่าง ตลาดสหรัฐ เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าในประเทศอื่น แต่จะกลายเป็นงบบาน
ปลายในสหรัฐ อย่าง ฮอนด้า นั้น ไปตั้งหลัก ฐานใหญ่ที่แคนนาดา เพื่อใช้ประโยชน์ในเขตภาษีเท่านั้น แต่ทั้งนี้ ผู้ใช้รถในประเทศโลกที่สามที่มักจะมีพฤติกรรมใช้รถจนกว่าจะเสีย
ถึงจะเข้าอู่ซ่อม จึงได้รับผลกระทบไปด้วย ปัญหาความปลอดภัยของรถยนต์ จึงต้องแก้ที่โครงสร้างความอิสระของการออกแบบดีไซน์ โดยไม่ให้เป้าหมายการลดต้นทุนมาเป็นตัวบีบ
แก้โครงสร้างคอมมิสชั่นของบริษัทผลิตอะไหล่ นั่นคือต้องปรับฐานเงินเดือนในบางแผนกให้สูงพอที่จะให้แรงจูงใจของคอมมิสชั่นลดลง อีกวิธีที่จะแก้ปัญหาการแทรกซึม เพิ่ม
ความปลอดภัยให้พนักงานฝ่ายออกแบบและแผนกจัดซื้อได้คือการตั้งหมู่บ้านให้พนักงานอยู่อาศัย แล้วก็สร้างรูท โกออนไดร์ฟ เปิดเมมเบอร์ผับให้กับพนักงาน เป็นค่าใช้จ่ายเหมา
ของบริษัท พอพวกเขาต้องการประหยัดก็จะไม่ค่อยไปเที่ยวที่อื่น และมีอีกนโยบายที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้คือ สมุนไพรเบิกได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการปลูกป่าสมุนไพรได้อีกทาง
และปัจจุบัน สภาพป่าของไทย ไม่เพียงพอที่จะป้อนสมุนไพรสู่ตลาดโลกเสียแล้ว ช่องทางกฎหมายการพนันเพื่อเพิ่มเม็ดเงินภาษี ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ในขณะนี้ เพราะจะ
ไปฉุดเม็ดเงินการลงทุนของประเทศ ถนนทุกสายจะกลับเข้าสู่การฟอกเงินในบ่อนแทน อีกแนวทางนึงที่จะเพิ่มภาษีได้คือกฎหมายยาเสพติด อย่างกรณีที่อเมริกาอนุญาตให้มีการ
ขายกัญชาเพื่อการรักษาโรคได้ หรืออย่างมาเลเซีย ใบกระท่อม ยังผิดกฎหมาย แต่ทางปฏิบัติ จะไม่มีการจับกุม ถ้าไม่ใช่การค้ารายใหญ่ แต่จริงๆแล้ว ตลาดโลกต้องการปีละหลายร้อย
ตัน ส่วนการจะไปรีดภาษีจากผู้ประกอบการเพิ่มนั้นเห็นทีจะยาก ประเทศไทยมีวิศวกรรมการเงินซับซ้อน เกินกว่าจะรีดภาษีได้ง่ายๆ อย่างกรณีวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 คือชัยชนะของ
นักกู้เงินตัวจริง ที่สามารถตัดหนี้ได้มากกว่า 40-80% เม็ดเงินจริงๆของพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในบัญชี คือ เงินกู้ต่างประเทศดอกเบี้ย 4% 100 ล้าน ค่าเงินตกที่ 52บาทต่อเหรียญ
สหรัฐ หนี้เพิ่มเป็น 200 ล้าน แต่ เจ้าหนี้ ต่างประเทศ จะตัดหนี้ให้ เหลือ 40-80 ล้าน ถ้าหาทุนเพิ่ม หรือทำแผนฟื้นฟูกิจการได้ เพราะกลัวไม่ได้เงินต้นคืน แถมลดดอกให้ด้วย และ
เป็นชัยชนะของกลุ่มธนาคาร ที่ทรัพย์สิน ทั้งจากผู้กู้ และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่กู้ต่างประเทศไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดิน อาคาร บ้าน อสังหาริมทรัพย์ มากองกันอยู่ในธนาคาร
และธนาคารที่ขายหุ้นให้ต่างชาติส่วนใหญ่เป็นธนาคารเล็กๆที่ปล่อยกู้เกินมูลค่าทรัพย์สิน ธนาคารที่ล้มก็เป็นธนาคารการเมือง และยับยั้งการรวบรวมที่ดินของต่างชาติไว้ได้ ผู้ได้รับ
ผลกระทบจริงๆคือผู้ที่ไม่เข้าใจโครงสร้างทางวิศวกรรมการเงินที่บิดเบือนจากการเปิด BIBF ที่ดอกกู้ต่างประเทศถูก แต่ทำไมธนาคารไทยพากันตรึงดอกเบี้ยสูงไว้ เกิดภาพลวงตาต่อความไม่น่าลงทุนเปิดธนาคารในไทย โดยเฉพาะ พรบ.ค้ำประกันเงินฝาก ทำให้แบ็งค์เล็ก และแบ็งค์เปิดใหม่ เสียเปรียบแบ็งค์ใหญ่ ในการ
ระดมเงินฝาก และเพิกถอนการเป็นรัฐวิสาหกิจของธนาคารในเครือรัฐบาล ธนาคารออมสินซึ่งหมดโพสิชั่นในการออมเงินฝากเด็กนักเรียนเพราะไม่รับฝากเงินวันเสาร์แล้ว จึงได้
รับผลกระทบมากที่สุด อีกทั้งแบ็งค์ใหญ่มีกลุ่มหนี้ที่สามารถระดมคืนก่อนกำหนดได้มากกว่า จากโครงสร้างการส่งเสริมให้เกิดกลุ่มทุนขนาดเล็กในสังกัด และ Sme ในพอร์ทของ
การคอนโทรลหนี้ หลังวิกฤติปี 40 บริษัทต่างชาติที่ถือครองที่ดินในประเทศไทยมากที่สุด ได้แก่ บริษัทญี่ปุ่น ในย่าน บางนาตราด ที่เริ่มมาตั้งแต่สมัยนายกชาติชาย และเป็นการลง
ทุนชนิดที่ค่อนข้างจริงใจ ไม่ค่อยมีวิศวกรรม นอมินีอันซับซ้อน และส่วนใหญ่ ลงทุนกับผู้กว้างขวาง ปัจจุบันเน้นลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่มีระบบบำบัดน้ำเสีย หลังปัญหา
ระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่านที่ได้เงินสนับสนุนจากญี่ปุ่นมาซื้อที่ดินสาธารณะ และถูกริบเข้าหลวง หนี้เสียส่วนใหญ่ถูกรวมไปกองไว้ที่ ปรส.ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ อย่างกรณีเวิลด์
เทรด ของ วังเพชรบูรณ์ แต่เป็นที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯ ถูก ปรส. ฟ้องชนะ 3000 ล้าน แต่ บริษัท วังเพชบูรณ์ขายให้ กลุ่มเซ็นทรัล และกลุ่มเซ็นทรัลซื้อที่ดินสถานฑูตอังกฤษ
4000 ล้าน เมื่อมีการกระชับวงล้อม ในสมัย นายกที่เกิดที่อังกฤษ เกิดเพลิงไหม้ บริษัทประกันต้องจ่าย 3008 ล้าน ในกระบวนการรวบรวมที่ดิน ชาวนาที่ยินยอมให้ผู้อื่นมาปลูกพืช
ในที่ดินโดยไม่ได้ทำสัญญาจะมีโอกาสสูญเสียที่ดินสูง นอกจากนี้ ถ้าที่ดินของชาวนาอยู่ในเขตการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรืออยู่ในเขตแนวตัดถนน หรือตั้งเมืองใหญ่ ถ้ามีคนมา
ถามซื้อที่ดิน แล้วไม่ขาย มักจะอายุสั้นลง โดยญาติจะเป็นผู้ได้ขายแทน คือ ถ้าตัดสินใจไม่ขายทั้งๆที่ราคาดีกว่าปรกติมากๆ ก็ควรเลิกปลูกผัก ผลไม้ในสวนไว้กินเอง เพราะผู้ที่มีความรู้
ว่า ปุ๋ยเคมีมีโอกาสปนเปื้อน ไดอ็อกซินสูง อาจจะนำปุ๋ยราคาถูก สูตรฟอสเฟตสูงๆ ปนกับยาฆ่าแมลงมาหว่านในสวนให้ เนื่องจากปุ๋ยเคมีส่วนใหญ่ ผลิตจากของเหลือจากการกลั่น
น้ำมันดิบ ซึ่งค่อนข้างมีโอกาสสูงที่จะปนเปื้อน สารปรอท แคทเมี่ยม สารหนู ไดอ็อกซิน สารตะกั่ว และที่สำคัญคือยูเรเนี่ยมองค์ประกอบของฟอสฟอรัสและไนเตรตในระดับที่เป็นพิษ ซึ่งจะเร่งการเป็นมะเร็ง มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งในไข
กระดูก มะเร็งปอด เมื่อทางการจะตั้งบริษัทปุ๋ยแห่งชาติ กลุ่ม เอ็นจีโอจึงไปประท้วงกันมาก เพราะปรกติระบบราชการก็ตรวจอย่างหละหลวมอยู่แล้ว ถ้ารัฐทำเอง คงไม่ต้องพูดถึงว่า
จะทำให้ระบบตรวจสอบหมดสภาพไปด้วย แต่ทั้งนี้ หน่วยงานราชการมักจะตรวจจากตัวอย่างที่เอกชนส่งให้ และเวลาออกตรวจตามท้องตลาด เอกชนมักจะรู้กำหนดการออกตรวจ
เสมอ ผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารปลอดภัย ควรบอกรับสมาชิก หนังสือของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หรือ บริจาคให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคซักปีละร้อย เป็นการซื้อความปลอดภัยให้กับตัว
เอง และสังคม ถ้าหากพอมีเงินทำบุญ ผู้ที่ใช้ปุ๋ย ควรเลือกปุ๋ยสูตร ที่มีฟอสฟอรัส หรือ P ให้ต่ำกว่าความต้องการของพืชสักเล็กน้อย จะปลอดภัยขึ้น หรือใช้เป็นสูตรผสม มูลวัว กับปุ๋ย
เคมี ในมูลวัวจะค่อนข้างมีโปตัสเซี่ยมสูง ไนโตรเจนรองลงไป ปุ๋ยเคมีที่นำมาผสม ควรเป็นสูตร ประมาณ 20-25-15 หรือ สูตรอื่นที่ใกล้เคียง แล้วแต่สัดส่วนชนิดพืช วิธีหลีกเลี่ยงการ
สะสมสารพิษวิธีนึงคือ ลดการรับประทานผักชนิดที่มีหัวในดิน ดังนั้น ในประเทศที่ที่ดินเป็นของกองทุนรวมเสียส่วนใหญ่ หรือระบบคอม จึงมีข้อดีคือ ตัดปัญหาผลข้างเคียง ต่อชีวิต
ประชาชน ของกระบวนการรวบรวมที่ดิน
ส่วนนโยบายค่าแรง 300 นั้น ไม่ค่อยมีผลต่อเม็ดเงินภาษี แต่เพิ่มคุณภาพความเป็นอยู่ให้แรงงานระดับล่างได้ โดยเฉพาะพนักงานร้านแฟรนด์ไชน์ มีเงินเดือน 7000-8000 แต่ต้องทำ
งาน 24 ชั่วโมง แต่ปรกติ บริษัทญี่ปุ่น จะมีค่ากะกลางคืนให้อีกวันละ ประมาณ 50 บาท แต่การที่จะเพิ่มค่าแรงให้กลุ่มคนที่ทำงานหนักนั้นค่อนข้างยาก เพราะปัญหาเรื่องผล
ประกอบการ แนวทางเพิ่มผลประกอบการร้านโมเดิร์นเทรดแฟรนไชน์คือ เปิดขายสินค้าทางออนไลน์ เนื่องจากระบบหนังสือ มีข้อจำกัดจำนวนหน้า โดยให้ลูกค้าเลือกว่าจะรับทาง
ไปรษณีย์ หรือรับที่ สาขา โดยระบุรหัสสาขา ตามความได้เปรียบของระบบโลจิสติกส์ ส่วนอีกแนวทางนึงคือ โพสิชั่นของกาแฟ และ การพัฒนาอาหารกล่องให้ออกจากตลาด
ฟาสต์ฟู๊ด และปรับให้เหมาะสมกับตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ คือ ในบางประเทศที่มีการพัฒนาทางระบบสังคมกลางคืน ระบบอิเลคทรอนิกส์และ
คอมพิวเตอร์สูง ผู้บริโภคค่อนข้างต้องการพลังงานและคุณภาพอาหารสูงกว่าฟาสต์ฟู๊ดทั่วไป และคนกลุ่มนี้ค่อนข้างมีความนิยมต่อคอนเซ็ปต์การเปิดร้าน 24 ชั่วโมง
ภาคอสังหา โดยเฉพาะอาคารสูงในกรุงเทพที่สามารถสร้างต่อได้ จึงมีต้นทุนการสร้างที่ต่ำที่สุดในเอเชีย อยู่ประมาณ 20-40% และกองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ก็กวาดอสังหาเข้า
พอร์ท และตัดขายเมื่อมีกำไร ปัจจุบัน อาคารสำนักงานในกรุงเทพอยู่ในสภาพการหาพื้นที่เปิดสำนักงานเพิ่มได้ยาก เพราะขายพื้นที่ได้เกือบหมดจากการขยายตัวทางเศรษกิจ แต่ยัง
มีอาคารร้างอีกจำนวนนึงไว้รองรับการเปิด AEC แต่เหลือไม่มากแล้ว ในช่วงของการขยายตัวทางเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมาหุ้นภาคอสังหาของไทยจึงให้ผลกำไรที่แน่นอนในสายตา
ของต่างชาติที่เข้าใจว่าอสังหาไทยมีต้นทุนที่ต่ำกว่าบัญชี ส่วนวิกฤติซัพพรามน์ในอเมริกาก็เป็นเทคนิคนึงในการทำให้ต้นทุนทางอสังหาต่ำลงเช่นกัน แต่ค่อนข้างเป็นเรื่องการเมือง
และแย่งชิงผลประโยชน์ของกลุ่มทุนอสังหาฯและกลุ่มทุนการเงิน โดยทางรีพลับบลิกันใช้ประโยชน์จากวิกฤติอสังหา ทำลายความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจของเดโมแครต
เดโมแครตก็ใช้ประโยชน์ของวิกฤติยับยั้งความร้อนแรงที่เป็นฟองสบู่ภาคอสังหาและส่งผลไปยับยั้งการขยายตัวภาคอุตสาหกรรม ของรีพลับบลิกัน ยับยั้งปริมาณก๊าซคาร์บอนได
อ๊อกไซด์ และยับยั้งสภาวะแผนการควบคุมโลกด้วยสภาพอากาศ รีพลับบลิกันโจมตีกลุ่มทุนการเงินโดยใช้อสังหากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการใช้ลดต้นทุน ไปรุมกู้เงินจากธนาคาร จน
ธนาคารล้มละลายไปกว่า 40 แห่ง และประสบปัญหาการเงินกว่า 80 แห่ง ต้นทุนที่นำมาใช้สร้างอสังหา จึงเป็นต้นทุนจากธนาคาร สินทรัพย์อสังหาในอเมริกาจึงเป็นสินทรัพย์ราคา
ถูกที่รอสภาวะเศรษฐกิจเพื่อการช้อนซื้อ และคราวนี้ต้นทุนต่ำมากๆ ธนาคารที่เพียงแค่ประสบปัญหา จึงมีอสังหาอยู่ในพอร์ทจำนวนมากที่รอการขาย เรียกได้ว่าเป็นการอุ้มไว้เต็มมือ
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆในวงจรเศรษฐกิจ เนื่องจากมีหลายฝ่ายได้ประโยชน์ ผู้ได้รับผลกระทบคือผู้ที่ไม่เข้าใจสภาวะที่แท้จริงของเศรษฐกิจวิศวกรรมการเงินและอีกเรื่องนึงที่
จะมีผลต่อชาวนา และราคาข้าวคือ นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งเป็นนโยบายประชานิยมที่ออกมาแข่งกับนโยบาย ปรับค่าครองชีพให้ข้าราชการ แต่จะเริ่มมีผลต่อการปรับฐานความรู้
ของชาวนาครั้งสำคัญ ในด้านความรู้ของชาวนาบนพื้นฐานระบบสื่อสารที่ดี ในด้านวิทยาศาสตร์การเกษตร คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ กฎหมาย แต่ทั้งนี้อาจต้องใช้เวลาอีกสัก 5-10 ปี
ในการปรับปรุงโครงสร้างครู ปัญหาด้านการศึกษาเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง การแก้คือต้องปรับที่ฐานโครงสร้าง นั่นคือ การปรับฐานเงินเดือนครูให้เท่ากับหมอ จึงจะเกิดแรงจูงใจ
ในการแข่งขันเข้าสู่อาชีพครูได้ เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนครูแล้ว มหาวิทยาลัยดังๆจะเปิดหลักสูตรด้านพัฒนาการศึกษา หรือ หลักสูตรบริหารการศึกษาเพิ่มขึ้น รวมถึงหลักสูตร
ด้านการสอน และจะเป็นแรงบีบต่อ โพสิชั่นของมหาวิทยาลัยราชภัฎ ให้เข้าพอร์ทแฟรนด์ไชน์ของมหาวิทยาลัยดัง แต่การกระจุกตัวของการศึกษาในเมืองหลวงจะลดลงในระยะยาว
มหาวิทยาลัยเอกชนต้องเตรียมการปรับตัวด้วย
นโยบายเรียนฟรี 15 ปี จะทำให้ เกิดชาวนารุ่นใหม่ ที่มีความรู้ระดับ มัธยมศึกษาปีที่3- 6 ออกมาในปีนี้
แล้วก็แนวโน้มประชากรโลก
USCB ประมาณว่าประชากรโลกมีเกิน 7 พันล้านคนเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2012 ตามข้อมูลการประมาณของกองทุนประชากรสหประชาชาติ ประชากรโลกมีเกิน 7 พันล้านคน เมื่อ
วันที่ 31 ตุลาคม 2011
สถาบันการศึกษาเชิงประชากรศาสตร์ระบุว่า ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 10000 ล้านคนในอีก 36 ปีข้างหน้า
ผลการคาดคะเนปัจจุบันแสดงการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของประชากรในอนาคตอันใกล้ (แต่มีอัตราการเติบโตของประชากรลดลงสม่ำเสมอ) คาดว่าประชากรทั่วโลกจะถึงระหว่าง 7,500
ถึง 10,500 ล้านคนในปี 2050
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งๆที่พื้นที่อาคารสำนักงานตึงตัว แต่มีการลงทุนขยายพื้นที่ค่อนข้างน้อย แต่กลุ่มอสังหากลับไปรักษาดัชนีอสังหาด้วยการเพิ่มพื้นที่พักอาศัยแทนจนล้นตลาด
พฤติกรรมการลงทุนความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทุน อสังหา เคมี ชีวภาพ และอาวุธ จึงนอกจากจะใช้ทำนายแนวโน้มของสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้แล้ว ยังบ่งบอกถึงความต้องการของกลุ่มทุน
ว่า ยังไม่ต้องการกลุ่มทุนขนาดใหญ่เข้ามากลืนตลาดส่วนแบ่งของพวกเขา แต่ต้องการเม็ดเงินการลงทุน และแรงซื้อจากกลุ่ม sme และกลุ่มผู้สูงอายุจากต่างประเทศ
สถานการณ์ข้าวในตลาดโลก
สถานการณ์ข้าวในตลาดโลก
การบริโภคข้าวทั่วโลกยังมีปริมาณมากกว่าผลผลิต และแนวโน้มในอนาคตน่าจะมีการบริโภคที่เพิ่มขึ้นได้อีกมาก
แต่หลายประเทศไม่มีการสนับสนุนให้ประชาชนรับประทานข้าว ทั้งๆที่ข้าวให้สุขภาพที่ดีกว่าอาหารจากแป้ง เนื่องจากข้อจำกัดโครงสร้างการผลิตอาหารของประเทศ สภาพอากาศของภูมิประเทศ ฤดูกาล และขาดพื้นที่ชุ่มน้ำ ฝน แสงแดด ที่อุณหภูมิสูง ซึ่งมีความพยายามในการปรับปรุงพันธุ์ให้ทนความเย็นมากขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงทางอาหารของประเทศ ทำให้ไม่มีการสนับสนุนให้ประชากรโลกรับประทานข้าว
โดยปริมาณสำรองข้าวส่วนใหญ่ของโลกอยู่ในจีน
ทั่วโลกมีพื้นที่เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวเพียงประมาณ 1,000 ล้านไร่ เนื่องมาจากสภาพอากาศของภูมิประเทศ แสงแดด ปริมาณฝน ฤดูกาล ของพื้นที่ชุ่มน้ำ
ผลผลิตข้าวสารโลกรวม 477 ล้านตันข้าวสาร สต็อกข้าวของโลกมีปริมาณ 107ล้านตันข้าวสาร อัตราการสำรองข้าวสารเพื่อการบริโภคของโลก (The Global Stocks to Use Ratio) ของปี 2556/57 จะอยู่ที่ระดับ 22.61 % หรือทั้งโลกจะมีข้าวสารสำรองเพื่อการบริโภค เป็นเวลาประมาณ 83 วัน
การบริโภคและใช้ประโยชน์จากข้าวของโลก มีปริมาณการบริโภคประมาณ 475 ล้านตันข้าวสาร
ปริมาณการค้าข้าวระหว่างประเทศโลกมีประมาณ 38ล้านตันข้าวสาร ต่อปี ประมาณ 8 % ของผลผลิต และปรกติไทยครองตลาดอยู่ที่ประมาณ 30 % ของตลาดการค้าข้าวโลก แต่ชาวนาไทย มีหนี้สิน รายละประมาณ 1-5แสนบาท หลังการขายข้าวในแต่ละปี เนื่องมาจากราคาน้ำมัน ค่าปุ๋ย ค่ายากำจัดศรัตรูพืช ที่รัฐบาลควรออกคูปองอุดหนุนชาวนาที่ใช้สินค้ากลุ่มดังกล่าว ควบคู่ไปกับโครงการวัวล้านตัว และบ่อหมักปุ๋ยที่ให้ก๊าซมีเธนมาใช้ในครัวเรือน เพื่อควบคุมระดับก๊าซเรือนกระจกจากวัว แต่ทั้งนี้ ควรเน้นการเกษตรแบบเคมีอินทรีย์ชีวภาพแบบผสมผสาน เพราะปุ๋ยชีวภาพที่ชาวนาผลิตเองส่วนใหญ่ขาดธาตุฟอสฟอรัส และธาตุอาหารรองเช่น แคลเซี่ยม แต่ขาดแคลนน้อยในพื้นที่ที่เคยน้ำท่วมจากเขื่อน ที่มีตะกอนฟอสฟอรัสสะสม และชาวนาส่วนใหญ่ ยังขาดความรู้เรื่องธาตุอาหารรองในปุ๋ยเคมี แต่ทั้งนี้ มีบริษัทปูนซีเมนต์ในประเทศได้เปิดสายการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และน้ำส้มควันไม้ ออกจำหน่ายแล้ว โดยการปรับปรุงระบบการผลิตปูนซีเมนต์ และมีบริษัทเคมี ได้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพในรูปแบบกรดซิลิคอนออกจำหน่ายแล้ว ทั้งนี้ควรบรรจุหลักสูตร เคมีการเกษตรอินทรีย์ชีวภาพลงในระดับประถมศึกษา ป.4-ป.6 ควบคู่กับการใช้แท็ปเล็ต และควบคู่กับการใช้เน็ตบุ๊คใน ชั้น มัธยมต้น การเพิ่มมูลค่าก็ยังควรทำในแนวทางออแกนิกส์ หรือเพียงข้าวกล้องที่อุดมไปด้วยวิตามินก็ได้ แต่ควรสนับสนุนแนวทางให้ประชากรโลก รับประทานข้าวกล้องผสมข้าวขาวเป็นข้าวมันปู จะเป็นการดีต่ออุตสาหกรรมข้าว และสุขภาพมากกว่า เนื่องจากแนวโน้มประชากรโลกส่วนใหญ่ที่มีแรงซื้อเป็นผู้สูงอายุ และการรับประทานข้าวกล้องเพียงอย่างเดียวจะย่อยยากกว่าข้าวสารขาว ทั้งนี้ น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว อุดมไปด้วยสารเมลาโทนิน จากการวิจัยในทางการแพทย์ พบว่า เมลาโทนิน ( มีชื่อทางเคมีคือ N-acetyl-5-methoxytryptamine )หรือ N-[2-(5-Methoxy-1H-indol-3-yl) ethyl] acetamideมีความสำคัญต่อสุขภาพของคนเราดังนี้ ควบคุมการนอนหลับ ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ไม่เครียด ไม่วิตกกังวล ป้องกันและรักษาโรคสมองเสื่อม โรคพาร์กินสัน แก้ไขอาการหลงลืม หงุดหงิด เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยผู้ป่วย HIV ได้มาก เสริมการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในคนสูงอายุ ป้องกันและเสริมการรักษาโรคมะเร็ง แก้ไขอาการเจ็ทแล็ก (JIT- - LEG) แก้ไขอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เพราะร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และไม่รู้สึกเครียด ไม่รู้สึกวิตกกังวล สมรรถภาพทางเพศจึงดีขึ้น ควรอย่างยิ่งที่จะรับประทานข้าวกล้องเป็นมื้อเย็น
วงเงินการอุดหนุน ควรใช้แนวทางระบบอุดหนุนภาคการเกษตร แบบชาวนา อเมริกา หรือ ญี่ปุ่น ที่ขายข้าวได้ราคาสูงมาก
ทั้งนี้การอุดหนุนควรไม่ต่ำกว่า 50000 ต่อ 10ไร่ ถ้าจะมีนโยบายให้ชาวนาปลอดหนี้โดยเร็ว โดยเฉลี่ย รัฐบาลชุดนี้ เก็บภาษีได้ ปีละ 1.5ล้านๆบาท จากเดิมในยุคก่อนๆหน้า ที่เก็บได้เพียงระดับ 2แสนล้านบาท อันเนื่องมาจากการปราบปรามยาเสพติด กฎหมายยึดทรัพย์การฟอกเงิน กฎหมายการเงินการธนาคาร โดยเฉพาะกฎหมายค้ำประกันเงินฝากที่จะทำให้บัญชีที่มีการใช้ฟอกเงินโด่เด่ให้เห็นชัดเจน การที่เก็บเงินภาษีได้มากขึ้นขนาดนี้ เห็นควรว่าควรนำมาใช้กับฐานรากของสังคม ก็เป็นการสมควรอยู่บ้าง อะไรที่ไม่จำเป็นหรือไม่ควรเร่งรีบควรลดงบประมาณลงเพื่อนำมาใช้ในการนี้ที่จำเป็นเร่งด่วนกว่า
ไทยมีผลผลิต ประมาณ 20ล้านตันข้าวสาร ต่อปี ปีนี้จ่ายชดเชยความเสียหายจากอุทกภัยไปแล้วกว่า 8 ล้านตัน โดยจ่ายชดเชยให้เกษตรกรไร่ละ 1,113 บาท รายละไม่เกิน 30 ไร่
ข้าวสารอเมริกันที่วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 45 = 75.55 US$ หรือ 2417 บาท เท่ากับ ตันละ 483,000 บาท
ข้าวสารดำอินทรีย์จากประเทศไทย ที่วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 26 = 43.65 US$ หรือ 1396 บาท เท่ากับ ตันละ 279,000 บาท ถ้าเป็นข้าวสารหอมมะลิ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ ? 12 = 20.14US$ หรือ 644 บาท เท่ากับ ตันละ 128,000 บาท
ข้าวสารหอมมะลิธรรมดา ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ ? 10.29 = 17.27 US$ หรือ 552 บาท เท่ากับ ตันละ 110,000บาท
ข้าวสารบาสมาติกสีขาวอินทรีย์ ปากีสถาน วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 18 = 30.22 US$ หรือ 967 บาท เท่ากับ ตันละ 193,000 บาท
ข้าวสารบาสมาติก ธรรมดา วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 12 = 20.14 US$ หรือ 644 บาท เท่ากับ ตันละ 128,000 บาท
ข้าวสารญี่ปุ่น วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 16 = 26.86 US$ หรือ 859 บาท เท่ากับ ตันละ 171,000บาท
ข้าวสาร ข้าวกล้องหอมมะลิมันปู วางจำหน่ายในประเทศไทย ยี่ห้อเทสโก้โลตัส ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา 205 บาท = 6.40 US$ เท่ากับ ตันละ 41,000บาท
ข้าวสาร ข้าวกล้องหอมมะลิ วางจำหน่ายในประเทศไทย ในตลาดสด ถุงขนาด 1 กิโลกรัม ราคา 40 บาท = 1.25 US$ เท่ากับ ตันละ 40,000บาท
จีนผลิต ได้ประมาณ 140 ล้านตัน บริโภคประมาณ 145ล้านตัน นำเข้าประมาณ 3ล้านตัน ปริมาณข้าวสำรองประมาณ 45-100ล้านตัน การสำรองข้าวของจีน ทำโดย รัฐวิสาหกิจ คอฟโก้(COFFCO Corporation) ที่มีหน้าที่สำรองข้าว ในไซโล จีนมีความต้องการบริโภคข้าวปีละประมาณ 135-200 ล้านตัน ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณผลผลิตข้าวที่จีนผลิตเองได้ จีนเป็นประเทศที่ปลูกข้าวได้มากที่สุดในโลก จีนเคยประสพกับปัญหาการอดอยากและไม่มีข้าวเพียงพอให้กับประชาชน (ประมาณปี 1950 – 1961) 2554 จีนเคยประสบกับปัญหาภัยธรรมชาติหลายพื้นที่ใน 8 มณฑลที่มีการปลูกข้าวที่สำคัญที่สุดของจีน (โดยเฉพาะมณฑลหูหนาน เจียงซี มณฑลเสฉวน) รวมพื้นที่กว่า 1.13 ล้านเฮกตาร์ ได้รับความเสียหายเนื่องจากประสบภัยน้ำท่วมและศัตรูพืช ส่งผลต่อการผลิตข้าวของทั้งประเทศลดลง 10% โดยเฉพาะในเขตปลูกข้าวที่สำคัญที่สุดของจีนอาจมีผลผลิตลดลงถึง 20% จีนมีปัญหาพื้นที่เกษตรกรรมที่กำลังลดจำนวนลง ประชากรจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปัญหาสภาพอากาศแหล่งต้นน้ำเทือกเขาหิมาลัยมีการเปลี่ยนแปลง แต่แนวโน้มประชากรในอีก 20 ปีข้างหน้าอาจจะลดลงเช่นเดียวกับอินเดีย เพราะมีชายโสดในประเทศกว่า 100 ล้านคน ในอนาคตจีนอาจกลายเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญ โดยเฉพาะ ถ้าพันธุ์ข้าวในมณฑลเสฉวนและซินเกียงเกิดการกลายพันธุ์ไปในทางที่ดี และจีนมีโครงการที่จะปลูกข้าวที่ผ่านการแปลงพันธุกรรม เพื่อความมั่นคงทางอาหาร
ในปีเดียวกันนั้นไทยก็ถูกน้ำท่วมจากพายุ จนน้ำเกินกำลังเขื่อน ธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 และจัดให้เป็นภัยพิบัติครั้งสร้างความเสียหายมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลก
อุทกภัยดังกล่าวทำให้พื้นดินกว่า 150 ล้านไร่ (6 ล้านเฮกตาร์) ซึ่งในจำนวนนี้เป็นทั้งพื้นที่เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมใน 65 จังหวัด 684 อำเภอ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 4,086,138 ครัวเรือน 13,595,192 คน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 2,329 หลัง บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 96,833 หลัง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย 11.20 ล้านไร่
ถนน 13,961 สาย ท่อระบายน้ำ 777 แห่ง ฝาย 982 แห่ง ทำนบ 142 แห่ง สะพาน/คอสะพาน 724 แห่ง บ่อปลา/บ่อกุ้ง/หอย 231,919 ไร่ ปศุสัตว์ 13.41 ล้านตัว มีผู้เสียชีวิต 813 ราย (44 จังหวัด) สูญหาย 3 คน[
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้การเบิกจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาทต่อครอบครัว รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยผู้ประสบภัยน้ำท่วม นาข้าว 2,222 บาทต่อไร่ บ่อเลี้ยงกุ้ง หอย ได้สูงสุดถึงไร่ละ 10,920 บาท วงเงิน 120,000 ล้านบาท
ธนาคารโลกประเมินความเสียหายและความสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจากน้ำท่วมครั้งนี้มีมูลค่า 1.36 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นความเสียหายทรัพย์สิน 640,000 ล้านบาท และความสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจอีก 717,000 ล้านบาท ความเสียหายใหญ่เกิดกับภาคเกษตร ปศุสัตว์และประมง 94,800 ล้านบาท ภาคอุตสาหกรรม 931,000 ล้านบาท การท่องเที่ยว 115,000 ล้านบาท ระบบขนส่ง 3,309 ล้านบาท
การศึกษาผลกระทบน้ำท่วม คาดว่าไทยต้องใช้งบประมาณในการฟื้นฟูหลังน้ำลดเพื่อให้สามารถกลับมาผลิตใหม่อีกถึง 756,000 ล้านบาท โดยจำนวนนี้เป็นการฟื้นฟูภาคเอกชน 520,000 ล้านบาท และของรัฐบาลอีก 235,000 ล้านบาท โดยวงเงินที่ต้องใช้แบ่งเป็น1. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ระบบการจัดการน้ำ 69,100 ล้านบาท ระบบขนส่ง 24,500 ล้านบาท
2. ภาคการผลิต อาทิ ภาคการเกษตร ปศุสัตว์ และประมง 1,290 ล้านบาท ภาคอุตสาหกรรม 151,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีผู้ประกอบการต้องการใช้เงินสภาพคล่องผ่านระบบสถาบันการเงิน 430,000 ล้านบาท
3. ภาคสังคม เช่น ด้านสุขภาพ 3,692 ล้านบาท สังคม 21,800 ล้านบาท การศึกษา 14,000 ล้านบาท
4. ภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สิ่งแวดล้อม 8,184 ล้านบาท
ความเสียหายเบื้องต้นในด้านอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน มีทุนประกันรวม 745,398 ล้านบาท ประเมินความเสียหายอยู่ที่ 149,000-216,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริษัทประกันภัยในญี่ปุ่นรับภาระ
อินเดียผลิต ข้าวได้ประมาณ 100ล้านตัน บริโภคประมาณ 95ล้านตัน ส่งออก ประมาณ 10ล้านตัน ปริมาณข้าวสำรอง ประมาณ 25-50 ล้านตัน ผลจากการที่อินเดียส่งออกข้าวสู่ตลาดโลกมากขึ้นทำให้ราคาข้าวในประเทศสูงขึ้น 30% ทำให้มีการออกมาตรการ ควบคุมการส่งออกข้าว จากเดิมที่ไม่มีระบบควบคุมผู้ส่งออก ที่กดราคารับซื้อ แล้วนำไปขายในตลาดโลกราคาถูกๆระดับ 200-400เหรียญต่อตัน นับว่าชาวนาอินเดียต้องทนทุกข์เป็นอันมาก แต่ส่วนนึงเกิดจากทางการไม่ต้องการให้ราคาอาหารในประเทศมีราคาสูงเกินกว่าที่คนจนที่ไม่ได้ทำนาจะมีกำลังซื้อ แต่ทั้งนี้ รัฐสามารถให้การอุดหนุนคูปองการซื้อข้าวได้ เพราะเทคโนโลยี ชิปบัตรไอดีไมโครเครดิต ปัจจุบันมีความพร้อมที่จะทำได้ไม่ยาก และชิปมีราคาถูกลงมาก แล้วก็อัตราการขายปุ๋ยเคมี เครื่องจักรกลการเกษตร และยาปราบศัตรูพืชในอินเดียค่อนข้างต่ำถึงต่ำมาก และเพิ่มผลผลิตต่อไร่ไม่ได้ เนื่องจากราคาขายข้าวได้ต่ำมาก เกษตรกรจึงใช้แรงคนและแรงวัวเป็นหลัก
เวียดนามผลิตได้ประมาณ 25 ล้านตัน บริโภคประมาณ 20ล้านตัน ส่งออกประมาณ 7ล้านตัน ปริมาณข้าวสำรอง ประมาณ 2 ล้านตัน การสำรองข้าวของเวียดนามต่ำมากในบรรดาประเทศผู้ผลิตอาจ เนื่องมาจากระบบการค้าที่ผู้ซื้อเพื่อการส่งออกผูกขาดอยู่ ชาวนาเวียดนามจึงค่อนข้างยากจนเช่นเดียวกับอินเดีย แต่แรงงานหลักในการทำนาจะใช้ควายเป็นหลักเช่นเดียวกับพม่า ซึ่งแตกต่างจาก ฟิลิปปินส์ ซึ่งจะเป็นแบบผสมผสาน เพราะมีแรงซื้อเครื่องจักรการเกษตรจากแรงงานที่ทำงานในเรือขนส่งสินค้าจำนวนมากและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง
กระทรวงพัฒนาการเกษตรและชนบทเวียดนามจะลงทุนประมาณ 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการสร้างระบบสำรองข้าว คลังสำรองธัญญาหารขนาด 2ล้าน 8แสนตันที่จะสร้างขึ้นใหม่นี้จะอยู่ใกล้กับเมืองโฮจิมินฮ์ (Ho Chi Minh) และท่าเรือ โลงอัน จะสามารถสำรองข้าว 4 ล้านตัน แต่เวียดนามมีปัญหาเรื่องราคาในตลาดโลกต่ำ เนื่องจากปัญหาพิกัดของสารตกค้างที่อาจจะมีในข้าวเช่นเดียวกับบังคลาเทศ แต่ถ้าเริ่มมีการใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับที่ระบุพิกัดการผลิต ราคาน่าจะปรับตัวขึ้นได้ในอนาคต
ไทยมีแผนที่จะสำรองข้าวและสินค้าเกษตรอื่นๆเพื่อความมั่นคง (Food Security) ให้กับประเทศอื่นๆทั่วโลก
โดยได้เริ่มต้นเจรจาไปแล้ว กับรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่จะสำรองข้าวให้กับกลุ่ม ประเทศในอ่าวอาหรับ 6 ประเทศ ซึ่งยูเออีให้ความสนใจมาก และเสนอที่จะสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงให้ ไทยด้วย รวมถึงยังได้หารือกับรัส เซียแล้ว
นอกจากนี้ วางเป้าหมายเจรจาเพื่อสำรองข้าวให้กับสมาชิกของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก), บาง ประเทศในอาเซียน เช่น อินโดนี เซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน สิงดโปร์ มาเลเซีย และประเทศคู่เจร จาความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟ ทีเอ) กับไทยที่ต้องการบริโภคข้าว เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เป็นต้น
ปี 2554 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย รัฐมนตรีด้านการเกษตรและป่าไม้ของประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสาม(ASEAN+3) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมหรือเอ็มโอยู เพื่อยืนยันพันธกรณีในการพัฒนาความร่วมมือในภาคเกษตรกรรม อาหาร และป่าไม้ นอกจากนี้ ทั้ง 13 ประเทศยังได้ลงนามในข้อตกลงอาเซียนบวกสาม ว่าด้วยการสำรองข้าวสำหรับกรณีฉุกเฉิน ซึ่งระบุว่า ทั้ง 13 ประเทศจะสร้างคลังข้าวสำรองปริมาณ 787,000 ตัน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ โดยจีนจะส่งข้าวเพื่อสำรองในสต๊อก 300,000 ตัน ญี่ปุ่น 250,000 ตัน เพิ่มระดับการสำรองข้าวในประเทศเป็นระดับที่มากกว่า 2 -3ล้านตัน และเกาหลีใต้ 150,000 ตัน ขณะที่ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศจะร่วมกันส่งข้าวเข้าคลังสำรอง 87,000 ตัน แต่อินโดนีเซียมีนโยบายปรับลดการนำเข้า เนื่องจากข้าวที่ผลิตได้ในประเทศไม่เพียงพอกับการบริโภคเช่นเดียวกับไนจีเรียที่ตั้งกำแพงภาษีถึง 40-100% และอินโดนีเซียออกกฎห้ามขายข้าว 1วันในหนึ่งสัปดาห์
แนวโน้มของตลาดโลกที่รัฐของแต่ละประเทศผู้ผลิตที่สำคัญหันมาให้ความสนใจเรื่องความมั่นคงทางอาหารกับภัยพิบัติ และหันมาสนับสนุนให้มีการสร้างไซโลเก็บสำรองข้าวมากขึ้น ห้างสะดวกซื้อโมเดิร์นเทรดสามารถสั่งผลิตข้าวถุงในแบรนด์ของตัวเองแข่งกับราคาตลาดในประเทศ และมีแนวโน้มที่อาจจะกลายเป็นผู้ส่งออกไปยังห้างเครือข่ายในต่างประเทศได้ ผู้ที่เคยเป็นตัวกลางในการส่งออกเพียงอย่างเดียว ควรปรับตัวหันมาใช้โครงการของรัฐในระบบฟู๊ดซีเคียวริตี้ให้มากขึ้น เพราะแนวโน้มสภาวะอากาศโลก และสภาพโลกร้อนที่เกิดจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลของการขยายตัวทางอุตสาหกรรมของประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ๆหลายประเทศ แต่ทั้งนี้จีนได้ลงนามพิธีสารเกียวโตแล้ว สถานการณ์การควบคุมสภาวะโลกร้อนจะตกอยู่กับอเมริกาที่ยังไม่ลงนาม นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐ ทั้งกองทับบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ มีโครงการวิจัยสภาพอากาศ มีโครงข่ายควบคุมซอร์สดาวเทียมเกือบทั่วโลกจากโครงข่ายนาโต้ และมีโครงการฮาร์พโปรเจค(HARRP)เพื่อควบคุมสนามแม่เหล็กของขั้วโลก ที่องค์การเซิร์น(Cern)กำลังทำการวิจัยแข่งขันอยู่ การทำประกันภัยสภาพอากาศ ควรทำกับ บริษัทจากสหรัฐอเมริกา หรือประเทศในกลุ่มนาโต้เช่น นอร์เวย์ หรือ อังกฤษ เพื่อกระจายความเสี่ยง ที่เห็นได้ชัดว่าโครงการควบคุมสภาพอากาศประสบความสำเร็จคือ พายุแคทรีน่า เกิดการเปลี่ยนทิศทางจากเมืองหลักไปเป็นเมืองรองที่ความเสียหายน้อยกว่า
รายงานการศึกษาวิเคราะห์ภาวะโลกร้อนกระทบแหล่งผลิตอาหารโลก จากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) ณ ฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น สถานการณ์สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงทั่วโลกทำให้ราคาสินค้าอาหารสูงขึ้น รัฐบาลจึงดำเนินนโยบายส่งเสริมภาคเกษตรของญี่ปุ่นโดยตั้งเป้าเพิ่มการผลิต อาหารภายในประเทศ 50% ภายในปี 2563
กล่าวคือ สถานการณ์อาหารโลกในอนาคต ผู้เล่นรายใหญ่จะเป็นรัฐบาลประเทศต่างๆมาออกหน้า เพราะความมั่นคงทางอาหาร กับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ที่ใหญ่จนดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้ จึงไม่อาจปล่อยให้ผู้เล่นรายเล็กทำตลาดเพียงลำพัง อีกต่อไป สิ่งที่ประเทศผู้ผลิตอาหารจะนำมาต่อรองกับสถานการณ์ความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่ปัจจุบันมีสเกลที่ใหญ่กว่าสมัยก่อนมาก คือกลไกราคาตลาด ต่อการประกันภัย ที่ยังไม่รวมถึงตลาดการซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งหมายถึง แนวโน้มของราคาอาหารในตลาดโลกที่จะเพิ่มขึ้นในแบบล๊อค รัฐบาลประเทศต่างๆ จะไม่สร้างกลไกการตรึงราคาในประเทศให้ต่ำอีกต่อไปอย่างที่เคยทำอยู่ และสิ่งที่จะเห็นบนโต๊ะอาหารที่มาจากประเทศโลกที่ 3 ในอนาคต คือ นอกจากอาหารที่มาจากความเหนื่อยยากและวงจรหนี้ของเกษตรกรแล้วแต่ละเมล็ดยังจะมีการคำนวนจำนวนของคณิตศาสตร์ประกันภัยจากระดับต้นน้ำอยู่ด้วย จากเดิมที่จะมีเพียงช่วงกลาง ถึงปลาย ในกระบวนการส่งออก นำเข้า บรรจุถุง วางจำหน่าย และ การนำไปผลิตออกจำหน่าย
ร้านค้าห้างโมเดิร์นเทรด เป็นแหล่งสำคัญในการกระจายสินค้าข้าวในตลาดโลก แต่กำไรของร้านค้าห้างโมเดิร์นเทรด ส่วนใหญ่ จะหมดไปกับ ต้นทุนระบบขนส่ง ค่าน้ำมัน ค่าบริหารจัดการ ค่าจ้างแรงงาน ค่าเช่าสถานที่ จึงควรที่จะมีการส่งเสริมการลงทุนให้ กับกลุ่มนี้ ระบบร้านค้าห้างโมเดิร์นเทรด ส่วนใหญ่ ถูกสนับสนุนขึ้นมาให้มีกิจการเพราะ เป็นระบบที่ทำให้มีสินค้าและล๊อตสินค้า ออร์เดอร์ ค้างส่งอยู่ในระบบซัพพลายเชน ในจำนวนที่แน่นอน และการสั่งสินค้ามากๆทำให้ต้นทุนขายต่อหน่วยสู่มือประชาชนลดลง อีกทั้งมีอำนาจต่อรองราคาขอส่วนลดเพิ่มจากโรงงานโดยตรง เพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงแหล่งอาหาร แหล่งการผลิตสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้ง อำนาจการควบคุม ต่อรอง ต่อโรงงานการผลิตสินค้าต่างๆ และ พัฒนาระบบเครือข่ายโลจิสติกส์ ในการระบายสินค้าของประเทศ
แต่ระบบแฟรนด์ไชน์ร้านค้าโมเดิร์นเทรด เก็บค่าลิขสิทธิ์ แรกเข้า ค่อนข้างสูง ประมาณ 4 ล้านบาท ทำให้ร้านค้าโชห่วยส่วนใหญ่ ไม่มีเงินนำไปลงทุน ควรที่จะมีการสนับสนุนส่งเสริมการลงทุนให้กับแบรนด์ที่ไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์แรกเข้า และเก็บค่าการตลาดชั้นวางสินค้าต่ำๆ เพื่อให้สินค้าราคาถูกหรือมีทุนน้อย ได้มีโอกาสในการวางจำหน่ายสินค้า คู่กับแบรนด์ดัง หรือมีการออกกฎหมายควบคุมค่าการตลาด ปัจจุบันอุปกรณ์สำนักงานซอฟท์แวร์ระบบบริหารจัดการร้าน ราคาถูกลงมากแล้ว เป็นโอกาสที่แบรนด์ โนเนมจะมีโอกาส แจ้งเกิดในเวทีโลก ถ้าการแข่งขันทางการตลาดเป็นธรรม
แต่ทั้งนี้ ใบกำกับภาษีของระบบบริหารจัดการร้าน ส่วนใหญ่ ใช้ พรินท์เตอร์ระบบเทอร์โม กรมสรรพากรควรพัฒนาระบบภาษีเรียลไทม์ โดยไม่ต้องรอเคลียริ่งจากผู้ประกอบการตอนสิ้นปี เพราะ ระบบ บรอดแบรนด์ของประเทศ มีความก้าวหน้าในระดับนึงแล้ว จะทำให้มีเม็ดเงินภาษีครบถ้วน เพื่อนำไปใช้ส่งเสริมการลงทุน
และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกข้าว ควรออกมาตรการลดภาษีให้กับร้านฟาสต์ฟู๊ดที่มีการเสริฟเมนูข้าวในเชนต่างประเทศ โดยเฉพาะร้านที่มีการเสริฟไอศกรีมโยเกิร์ต เช่น เคเอฟซี และแมคโดแนลด์ เพื่อสนับสนุนให้มีการบริโภค เมนูสุขภาพ เพราะ ข้าว กับแป้งข้าวโพด แป้งสาลี มีความแตกต่างกันในเรื่องของชนิดน้ำตาลในแป้ง และซึ่งมีผลต่อระบบบอตาเมลิซึ่ม ระบบการย่อย ระบบทางเดินอาหาร ระบบไบโอคล็อค ระบบการเจริญเติบโตของกระดูก ระบบการสร้างเม็ดเลือด และสุขภาพโดยรวม ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประเทศที่มีรายจ่ายด้านยาเป็นสวัสดิการสังคมอย่างไทย แต่หลายๆประเทศยังไม่กล้าใช้นโยบายให้ยาเป็นสวัสดิการสังคม เพราะอุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมเคมี ชีวภาพ และอุตสาหกรรมอาวุธ มีความสัมพันธ์กันผ่านทาง กลุ่มรีพลับลิกัน มีบริษัทยาจำนวนมากที่ซ่อนวิศวกรรมเคมียาไว้ด้วยเทคนิคต่างๆ ดังนั้น ผู้ที่คุมนโยบายทางการแพทย์ คุมบัญชียาแห่งชาติ ควรเป็นคนที่มีความรู้ด้านวิศวกรรมเคมียาอย่างถ่องแท้ ลำพังการซีแอลยามาทำนโยบายสวัสดิการสังคมอาจไม่ค่อยได้ผล ถ้ารัฐบาลประเทศใดต้องการใช้ยาเป็นสวัสดิการสังคมควรติดต่อกับกลุ่มรีพลับบิกันผ่านทางล็อบบี้ยิสต์ ส่วนเดโมแครตสนับสนุนการซีแอลยาอยู่แล้ว หรือไม่ก็ติดต่อผ่านทางอุตสาหกรรมยาในยุโรป เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ การซ่อนสูตรยาไว้ในน้ำแร่ ด้วยอัตราส่วนของกำมะถัน แคลเซียมคลอไรด์ และไอโอดีน มีมานานแล้วในอินเดีย จากบันทึกทางยาของโยคีต่างๆ รวมถึงปรมาจารย์ตั๊กม้อ ซึ่งมาจากอินเดีย หรือ ตำหรับลับทางวิศกรรมเคมีของตระกูลถัง อีกแนวมางนึงที่จะทำให้ยาเป็นสวัสดิการสังคมของสหประชาชาติได้อย่างแท้จริงคือ รัฐบาลที่มีเม็ดเงินเหลือใช้ในมือมากๆควร ซื้อหุ้นบริษัทเคมียา มาสะสม รวมทั้งต้องซื้อตัวคีย์แมนทั้งหมดของกลุ่มบริษัทด้วย
ควรมีการสร้างหรืออุดหนุนให้เอกชนสร้างไซโล สำรองข้าว ขนาด 1-3 ล้านตัน กระจายอยู่ทั่วประเทศ และไซโลขนาด 5 ล้านตันขึ้นไปในแนวจังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี หรือแถบ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไป เพื่อไม่ให้ถูกตีความว่าเป็นยุทธปัจจัย และควรส่งเสริมให้เอกชนไปสร้างไซโลข้าวในประเทศพม่า กัมพูชา และลาวด้วย เพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมข้าว
ส่วนรางรถไฟสายอาเซียน สายใหม่ในภาคอีสาน ลาว ที่เชื่อมไปถึงปักกิ่ง เพื่อขนข้าว ควรขอเงินรัฐบาลจีนมาสร้างถนนเลียบทางรถไฟไปด้วย เพราะแนวที่ดินเวนคืน กว้างถึง 104เมตร
ชาวนาที่ยังไม่ได้เงิน และไม่ได้รับการติดต่อจากสภาทนายความ ควรไปทำการฟ้องร้องรัฐบาลอย่างน้อยในคดีความเสียหายทางแพ่ง คือถ้าไม่อยากเอาเรื่องเป็นความกับรัฐบาลในคดีอาญา ก็ควรฟ้องเพาะแพ่ง ซึ่งมีโอกาสชนะคดีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แต่ถ้าท่านไม่อยากใช้บริการฝ่าย ปชป. ก็ควรไปติดต่อทนาย หรือนักการเมืองในท้องที่ ส่วนใหญ่จะเรียนมาทางนิติศาสตร์อยู่แล้ว ทั้งนี้การฟ้องแพ่งต้องใช้เงินค่าฟ้อง 7000 ท่านอาจต้องเซ็นสัญญาการกู้ยืมเงิน 7000-10000บาท เป็นค่าดำเนินการ ซึ่งจะมีเงินมาจ่ายหลังคดีสิ้นสุด ซึ่งในต่างประเทศ สำนักงานทนายความมีระบบ แบ่งค่าเสียหายที่ฟ้องได้ให้สำนักงานทนายความประมาณ 10-50% โดยจะออกค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องให้ก่อนขึ้นอยู่กับความยากง่ายของคดี แ ละจะเป็นผู้คำนวนตัวเลขค่าเสียหายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ด้วย แต่ทั้งนี้ปรกติ ทางทนายจะรอให้ผู้เสียหายเป็นผู้เสนอเปอร์เซ็นต์ ก่อน และมีการเซ็นต์สัญญาส่วนแบ่งค่าเสียหายกัน ถ้ามีการฟ้องร้องตัวเลขค่าเสียหาย รัฐบาลก็จะสามารถแบ่งปันงบประมาณให้กับชาวนามากขึ้นกว่าปรกติที่ควรจะเป็น
และรัฐบาลควรให้ ธกส.ขยายวงเงินให้กับชาวนาเป็นการเฉพาะหน้าไปก่อนด้วย แต่ทั้งนี้ ธกส.ไม่มีบริษัทประกันในเครือ แต่มีโครงการประกันภัยผ่าน ธ.ก.ส. กับบริษัทสมโพธิ์ เจแปน ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด โครงการนี้เริ่มมีเมื่อปี 2554 ค่าเบี้ยประกัน 130 บาทต่อไร่ แต่รัฐบาลช่วยจ่าย 70 บาท และถ้าเป็นเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ทาง ธ.ก.ส. ช่วยอีก 10 บาท เกษตรกรจ่ายเพียง 50 บาทต่อไร่ ถ้าเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติจะได้ค่าชดเชย 1,400 บาทต่อไร่ ซึ่งประกันภัยในปี 2554 ไม่รวมภัยโรคระบาดและแมลงศัตรูพืช
มีการปรับเกณฑ์ เพิ่มความคุ้มครองภัยจากศัตรูพืชและโรคระบาดด้วยในปี2555 โดยปรับเงื่อนไขอัตราค่าชดเชยภัยธรรมชาติเป็นอัตราเดียวคือ ค่าชดเชยภัยธรรมชาติ 1,111 บาทต่อไร่ จากเดิมมี 2 ระยะคือ 60 วันแรกหากประสบความเสียหายจ่ายชดเชย 606 บาทต่อไร่ ถ้าหลัง 60 วันไปแล้วจ่ายชดเชย 1,400 บาทต่อไร่ ความเสียหายที่เกิดกับนาข้าวจากภัยธรรมชาติและภัยพิบัติ อาทิ อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และไฟไหม้ จะได้รับค่าชดเชย 1,111 บาทต่อไร่ ส่วน กรณีภัยศัตรูพืชและโรคระบาดที่เพิ่มขึ้นมาในปี 2555 นี้ ได้รับค่าชดเชย 555 บาทต่อไร่ โดยมีเงื่อนไขเรื่องเวลาคือ ถ้าวันที่เกิดความเสียหายยังอยู่ในช่วง 7 วันแรกนับจากวันที่ขอเอาประกันภัย จะไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทน แต่จะได้รับการคืนเบี้ยประกันภัย
บริษัทสมโพธิ์ เจแปน ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด กำหนดค่าเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำ 464 บาท คือทำประกันภัยไว้ในวงเงินไม่เกิน 10,000 บาทเท่านั้น โดยธนาคาร ธกส. ต้องการให้ค่าเบี้ยอยู่ที่ไร่ละ 250 บาท แต่บริษัทประกันต้องการที่ 290 บาท สัญญาณภัยแล้งที่เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปี ระดับน้ำที่ในแม่น้ำสายหลักลดลงมาก น้ำไม่พอจ่ายเข้าพื้นที่การเกษตร ทางการแจ้งเตือนการเพาะปลูกในฤดูนาปรัง น้ำเค็มทะลักถึงภาคกลางตอนบน ส่งผลให้แนวโน้มผลผลิตที่จะออกในฤดูนาปรังลดลงมาก นโยบายรับจำนำ ทำให้ชาวนาส่วนใหญ่เลือกที่จะขายกับโรงสีในโครงการของรัฐบาล มีเอกชนบางรายที่มีสัญญาค้างในการส่งออกเท่านั้นที่เปิดรับซื้อข้าว และมีเอกชนบางรายที่มองเห็นแนวโน้ม เนื่องจากรัฐบาลค้างจ่ายค่าข้าวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม มีเอ็มโอยูกับอินโดนีเซียและจีน แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหว บางรายจึงเริ่มรับข้าวเปลือกเข้าไซโลอย่างต่อเนื่อง ส่วนข้าวในโครงการของรัฐบาลส่วนใหญ่ทำการบรรจุถุงเกือบหมดแล้ว ล่าสุดทางการจีนอาจจะยกเลิกการนำเข้า และเริ่มทำการสอบสวน โดยอ้างว่าอาจมีการทุจริตเกิดขึ้น
การเซ็นต์สัญญากู้ยืม ควรเขียนจำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวอักษรด้วยตัวเอง ชิดขอบด้านซ้ายมือตรงช่องว่างจำนวนเงิน
โดยผู้เซ็นต์ไม่ควรเป็นผู้ถือครองที่ดิน และควรมีผู้รู้เรื่องกฎหมายอยู่บ้างไปด้วย เช่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือรวมตัวกันไปหลายๆคนก็จะเป็นการดี ถ้าทนายนักการเมืองท้องถิ่นเป็น สส.พรรคเพื่อไทย ก็ควรรวมตัวกันไปหาเขา ถ้าเขาไม่สะดวกเขาจะแนะนำเพื่อนทนายมาดำเนินการให้ท่านแทน
ถ้ามีชาวนาไปยื่นฟ้องมากพอ ศาลอาจใช้วิธีไต่สวนในการดำเนินคดี และอาจมีการเปิดรับลงชื่อชาวนาในท้องที่ของแต่ละจังหวัด หรือมากกว่านั้นคือ การเรียก ตรวจสอบรายชื่อผู้เสีหายทั้งหมดในโครงการมาดำเนินการ
ชาวนาที่พอมีกำลังทรัพย์โปรดรีบดำเนินการ เป็นโอกาสของชนชั้นชาวนาที่จะเรียกร้องเพิ่มสัดส่วนงบประมาณที่ใช้ในระบบการอุดหนุนการเกษตรครั้งสำคัญ หรือขอยืมค่าธรรมเนียมศาล จากมูลนิธิที่ท่านรู้จัก แล้วลงชื่อ รวบรวมรายชื่อ มอบอำนาจให้ทนายของมูลนิธิดำเนินการแทน
ชาวตะวันตกส่วนใหญ่ยังยึดติดอยู่กับภาพที่ว่า ข้าวเป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม เพราะร้านอาหารที่เสริฟข้าวส่วนใหญ่จะราคาแพง ที่คนมีฐานะดีจะเข้าไปรับประทานกัน ทั้งๆที่หม้อหุงข้าวมีจำหน่ายแล้วทั่วโลกในราคาถูก แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว เพราะ โทรทัศน์ รายการทำอาหารสไตล์โมเดิร์นได้รับความนิยมมากในประเทศตะวันตก ควรที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกข้าวจะไปสนับสนุนซื้อเวลาในการโฆษณา
จากนโยบายโอท็อป บวกกับการกระจายอำนาจเม็ดเงินลงสู่ระดับเทศบาล และตำบล ข้าวถุง 5กิโลกรัม จากระดับ 100 ยี่ห้อ ได้พุ่งเป็น ระดับ 1000 ยี่ห้อ ในประเทศ เนื่องจากมีกลุ่มแม่บ้าน และ อบต.ผลิดข้าวถุงออกจำหน่าย มีการสั่งซื้อเครื่องจักรบรรจุข้าวมากขึ้น หลายพันเครื่อง
เกมการเมืองปัจจุบัน อาจจะมีผลต่อราคาข้าวในอนาคตด้วย เนื่องจากฝ่ายค้านขู่จะฟ้องศาลเรื่องการทุจริต และข้าวอาจถูกเงื่อนกฎหมายสั่งอายัด ซึ่งอาจส่งผลให้ข้าวขาดหายไปจากตลาดโลก 30% นานขึ้น และทางอินเดียส่งสัญญาณว่าอย่างมากก็ส่งข้าวเข้าสู่ตลาดโลกได้เพิ่มอีกเพียงแค่ 1 ล้านตัน ราคาในอนาคตของ ตลาดโลก ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าข้าวไทยจะหายไปจากตลาดโลกนานแค่ไหน สถานการณ์ล่าสุด ตำรวจขอชิงคืนพื้นที่ ในหน้าสื่อ เพราะการประท้วงส่งผลต่ออุตสาหกรรมการเงินในฟาก ที่รัฐบาลไม่ได้เป็นประกัน เพราะพรบ.ค้ำประกันเงินฝาก มีข่าวลือ และการถอนเงินออกวันละหลายหมื่นล้าน เป็นประเด็นที่อาจเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจโลก เหตุการณ์ความรุนแรงที่มีอาวุธสงครามปรากฏขึ้นประปราย มีชาวบ้านและตำรวจได้รับบาดเจ็บ จนถึงเสียชีวิต เรื่องนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังในการควบคุมอาวุธสงครามให้เข้มงวดขึ้น รวมทั้งนโยบายรัฐกันชน และประเด็นการพิจารณาสัญชาติไทย
เสรีชน ที่ติดอยู่ในภาพ การต่อต้านทรราชย์ และการฉ้อราฎร์บังหลวง ต้องตกเป็นเหยื่อ เกมการเมือง กระทบชิ่ง ปตท ครั้งแล้วครั้งเล่า
ถ้าหากประชากรโลกหันมารับประทานข้าวมากขึ้น แนวทางในการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกข้าว คือ ข้าวพันธ์พืชไร่ ซึ่งทนแล้ง แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับความนิยมจากชาวนา เพราะชาวนาส่วนใหญ่ของโลกเป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่รับน้ำ
อื่นๆ http://www.thaifreenews.net/2013/06/87-121600.html
ผู้ค้าข้าวในตลาดโลก ได้ชะลอดูท่าทีสถานการณ์ข้าวในประเทศไทยมาเป็นปีแล้ว ตั้งแต่มีการรับจำนำข้าวในราคาสูง เพื่อรอจังหวะในการเก็งกำไร ทำให้ผู้ส่งออก ส่งออกได้หดตัวลงจากเดือนละ 1ล้านตัน เหลือ 5-6 แสนตัน ทำให้บัฟเฟอร์ข้าวไทยในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ขายปลายทางจะรู้สึกได้ แต่เนื่องจากอินเดียซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวบาสมาติกมีตัวเลขส่งออกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคารวมในตลาดโลกลดลง นักค้าตัวเลขเพื่อรอเก็งกำไรก็เลยรอต่อไป
ปี 2554 ไทยส่งออกข้าว10.64 ล้านตัน อินเดียส่งออกข้าวได้ 10 ล้านตัน มีสต๊อกข้าวคงเหลือ 32.22 ล้านตัน
ปี 2555 ไทยส่งออกข้าว 6.94 ล้านตัน อินเดียส่งออกข้าว 7 ล้านตัน
ปี 2556 ไทยส่งออกข้าว 6.6 ล้านตัน ปี 2556 อินเดียได้คาดการณ์ว่าจะส่งออกข้าวลดลง 1 ใน 4 เพราะข้าวอินเดียราคาแพงขึ้น แต่ ยอดส่งออกจริงเป็น 10.5 ล้านตัน เพราะเริ่มขายได้ราคา และมีข้าวคงเหลือ 24.38 ล้านตัน นโยบายความมั่นคงทางด้านอาหารของอินเดียฉบับใหม่ ทำให้รัฐบาลมีภาระในการจัดสรรธัญพืชให้ประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยอินเดียมีแผนขายข้าวให้ผู้มีรายได้ต่ำ ที่กิโลกรัมละ 1.50 บาท มีเป้าหมาย 40 ล้านตัน ไนจีเรียมีการเรียกเก็บภาษีการนำเข้าที่สูงประมาณ 100% จากการวิเคราะห์ของสำนักวิจัยต่างๆ ระบุว่า ราคาข้าวโลก ราคาจะไม่ปรับตัวสูงขึ้น หากไม่มีสภาวะฝืดเคืองทางด้านอาหารอย่างร้ายแรง
ปี 255ึ7 สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดการณ์ว่า ไทยจะส่งออกข้าวได้ 7.5 ล้านตัน ทั้งที่ยอดการสั่งซื้อหดตัวมาตลอด 3ปี และกลุ่มโรงสีที่จะป้อนให้ผู้ส่งออกไม่มีข้าวในมือ แสดงว่าผู้ส่งออกเองก็เริ่มเตรียมการเก็งกำไรแล้วเหมือนกัน โดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้พยายามเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการจำนำข้าว และอินเดียให้การอุดหนุนข้าวราคาถูกแก่ประชาชนโดยขายกิโลกรัมละแค่ 4-5 บาท
ส่วนในประเทศไทย ผู้ค้าข้าวขายปลีก ประสบปัญหาการหาข้าวมาจำหน่ายในท้องตลาดมาเป็นปี ต้องเดินสายขอแบ่งข้าวจากชาวนาส่วนที่เก็บไว้กินตามหมู่บ้านมาสีขายในท้องตลาด และมีบางส่วนจากโรงสีที่ชาวนานำข้าวส่วนที่เหลือเก็บไปขายเอาเงินสด ทีสำคัญคือภาวะไคลเมทเชนจ์ และก๊าซเรือนกระจก ที่ส่งผลต่อสภาวะอากาศโลก ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไต่ระดับมาอยู่ที่ 27-28 องศา ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิเพาะเชื้อด้วย มาตั้งแต่ปี 2000 จากผลวิจัยของ Mora, Lab University of Hawaii Manoa
มีน้ำทะเลท่วมเกาะในอินโดนีเซียไปแล้วกว่า 24 เกาะ ชายฝั่งอ่าว ก ไก่ ของไทย มีน้ำทะเลท่วมเข้ามาแล้ว หลายกิโลเมตร
ผลวิจัยของนาซาเกี่ยวกับน้ำทะเลที่จะท่วมประเทศลุ่มน้ำต่างๆทั่วโลก ในอีกประมาณ 6-30 ปีข้างหน้า ที่ขึ้นสูงถึง 7เมตร ส่งผลต่อพื้นที่เกษตรกรรมทั่วโลกที่จะหดตัวลง โดยเฉพาะข้าวในพื้นที่ลุ่มน้ำ
ภาพในช่วงระหว่าง 3,000 – 2,000 ปีที่แล้วก่อนการเกิดขึ้นของเมืองรูปวงกลมอู่ทอง ระดับแนวชายฝั่งทะเลมีความสูงกว่าปัจจุบัน 3.5 - 4 เมตร น้ำทะเลขึ้นมาเกือบถึงเชิงเขา
ภาพตัวอย่างการวิจัยนาซ่าที่ระดับน้ำท่วม 7 เมตร
แผนที่แสดงความสูงจากระดับน้ำทะเล
สัญญาณภัยพิบัติใหญ่ๆ น้ำท่วม พายุ ที่ต่อเนื่องรุนแรงมาตลอด 4 ปี น้ำท่วมในปี 2553 2554 โดยปี 2555 เกิดน้ำท่วมที่อินเดีย ส่งผลกระทบต่อผู้คน กว่า 2 ล้านคน น้าท่วม 2556 และ พายุ ในฟิลิปปินส์ ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่เกษตรกรรมลุ่มน้ำ สำหรับการปลูกข้าวทั้งสิ้น และสัญญาณแนวโน้มความรุนแรงที่จะเพิ่มขึ้นก็มา คือ หิมะ ตกอย่างรุนแรงทั่วโลก ซึ่งน่าจะมาจาก กระแสน้ำอุ่น และขั้วสนามแม่เหล็กโลกที่เคลื่อนตัว รุนแรงถึง 60 ไมล์ จาก 240 ไมล์ที่เคลื่อนมาแล้ว และซุปเปอร์โนวา SN2014J ที่กาแลคซี่ Cigar M82 และ โนวาเดลฟินัส (Delphinus)เมื่อเดือน สิงหาคม 2013 ส่งผลต่อ การหมุนวนของสภาพอากาศขั้วโลกรุนแรงกว่าเดิม ในอดีต ช่วงฤดูหนาวปี 1930 ประเทศจีนตอนกลางมีหิมะตกหนักมาก ปี 1931เกิดพายุไซโคลน เหนือแม่น้ำแยงซีเกียง และแม่น้ำฮวงโหว เข้าสู่มณฑลนานกิง ระดับน้ำสูง 16 เมตร มีผู้เสียชีวิต 200,000-4ล้านคน มีผู้ได้รับผลกระทบ กว่า 30 ล้านคน
และ โนวาสกอร์ปี (Nova V1280 Scorpii) เมื่อ ปี2007 ซึ่งเป็นช่วงที่มีเกาะในอินโดนีเซีย จมน้ำทะเล
และถึงแม้จีนจะลงนามพิธีสารเกียวโตแล้ว แต่หนี้ภาคเอกชนขนาดมหาศาล เมื่อรวมกับหนี้ของสหรัฐ อัตราเร่งของอุณหภูมิก็จะลดลงไปไม่ได้มาก นอกจากมีเบรคอย่างรุนแรงต่อเศรฐกิจ หรือสังคม ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงใดๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่เคยก่อให้เกิดวิกฤติระดับโลก ต่างประเทศจึงจับตาดูอย่างใกล้ชิด
การบริโภคข้าวทั่วโลกยังมีปริมาณมากกว่าผลผลิต และแนวโน้มในอนาคตน่าจะมีการบริโภคที่เพิ่มขึ้นได้อีกมาก
แต่หลายประเทศไม่มีการสนับสนุนให้ประชาชนรับประทานข้าว ทั้งๆที่ข้าวให้สุขภาพที่ดีกว่าอาหารจากแป้ง เนื่องจากข้อจำกัดโครงสร้างการผลิตอาหารของประเทศ สภาพอากาศของภูมิประเทศ ฤดูกาล และขาดพื้นที่ชุ่มน้ำ ฝน แสงแดด ที่อุณหภูมิสูง ซึ่งมีความพยายามในการปรับปรุงพันธุ์ให้ทนความเย็นมากขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงทางอาหารของประเทศ ทำให้ไม่มีการสนับสนุนให้ประชากรโลกรับประทานข้าว
โดยปริมาณสำรองข้าวส่วนใหญ่ของโลกอยู่ในจีน
ทั่วโลกมีพื้นที่เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวเพียงประมาณ 1,000 ล้านไร่ เนื่องมาจากสภาพอากาศของภูมิประเทศ แสงแดด ปริมาณฝน ฤดูกาล ของพื้นที่ชุ่มน้ำ
ผลผลิตข้าวสารโลกรวม 477 ล้านตันข้าวสาร สต็อกข้าวของโลกมีปริมาณ 107ล้านตันข้าวสาร อัตราการสำรองข้าวสารเพื่อการบริโภคของโลก (The Global Stocks to Use Ratio) ของปี 2556/57 จะอยู่ที่ระดับ 22.61 % หรือทั้งโลกจะมีข้าวสารสำรองเพื่อการบริโภค เป็นเวลาประมาณ 83 วัน
การบริโภคและใช้ประโยชน์จากข้าวของโลก มีปริมาณการบริโภคประมาณ 475 ล้านตันข้าวสาร
ปริมาณการค้าข้าวระหว่างประเทศโลกมีประมาณ 38ล้านตันข้าวสาร ต่อปี ประมาณ 8 % ของผลผลิต และปรกติไทยครองตลาดอยู่ที่ประมาณ 30 % ของตลาดการค้าข้าวโลก แต่ชาวนาไทย มีหนี้สิน รายละประมาณ 1-5แสนบาท หลังการขายข้าวในแต่ละปี เนื่องมาจากราคาน้ำมัน ค่าปุ๋ย ค่ายากำจัดศรัตรูพืช ที่รัฐบาลควรออกคูปองอุดหนุนชาวนาที่ใช้สินค้ากลุ่มดังกล่าว ควบคู่ไปกับโครงการวัวล้านตัว และบ่อหมักปุ๋ยที่ให้ก๊าซมีเธนมาใช้ในครัวเรือน เพื่อควบคุมระดับก๊าซเรือนกระจกจากวัว แต่ทั้งนี้ ควรเน้นการเกษตรแบบเคมีอินทรีย์ชีวภาพแบบผสมผสาน เพราะปุ๋ยชีวภาพที่ชาวนาผลิตเองส่วนใหญ่ขาดธาตุฟอสฟอรัส และธาตุอาหารรองเช่น แคลเซี่ยม แต่ขาดแคลนน้อยในพื้นที่ที่เคยน้ำท่วมจากเขื่อน ที่มีตะกอนฟอสฟอรัสสะสม และชาวนาส่วนใหญ่ ยังขาดความรู้เรื่องธาตุอาหารรองในปุ๋ยเคมี แต่ทั้งนี้ มีบริษัทปูนซีเมนต์ในประเทศได้เปิดสายการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และน้ำส้มควันไม้ ออกจำหน่ายแล้ว โดยการปรับปรุงระบบการผลิตปูนซีเมนต์ และมีบริษัทเคมี ได้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพในรูปแบบกรดซิลิคอนออกจำหน่ายแล้ว ทั้งนี้ควรบรรจุหลักสูตร เคมีการเกษตรอินทรีย์ชีวภาพลงในระดับประถมศึกษา ป.4-ป.6 ควบคู่กับการใช้แท็ปเล็ต และควบคู่กับการใช้เน็ตบุ๊คใน ชั้น มัธยมต้น การเพิ่มมูลค่าก็ยังควรทำในแนวทางออแกนิกส์ หรือเพียงข้าวกล้องที่อุดมไปด้วยวิตามินก็ได้ แต่ควรสนับสนุนแนวทางให้ประชากรโลก รับประทานข้าวกล้องผสมข้าวขาวเป็นข้าวมันปู จะเป็นการดีต่ออุตสาหกรรมข้าว และสุขภาพมากกว่า เนื่องจากแนวโน้มประชากรโลกส่วนใหญ่ที่มีแรงซื้อเป็นผู้สูงอายุ และการรับประทานข้าวกล้องเพียงอย่างเดียวจะย่อยยากกว่าข้าวสารขาว ทั้งนี้ น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว อุดมไปด้วยสารเมลาโทนิน จากการวิจัยในทางการแพทย์ พบว่า เมลาโทนิน ( มีชื่อทางเคมีคือ N-acetyl-5-methoxytryptamine )หรือ N-[2-(5-Methoxy-1H-indol-3-yl) ethyl] acetamideมีความสำคัญต่อสุขภาพของคนเราดังนี้ ควบคุมการนอนหลับ ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ไม่เครียด ไม่วิตกกังวล ป้องกันและรักษาโรคสมองเสื่อม โรคพาร์กินสัน แก้ไขอาการหลงลืม หงุดหงิด เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยผู้ป่วย HIV ได้มาก เสริมการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในคนสูงอายุ ป้องกันและเสริมการรักษาโรคมะเร็ง แก้ไขอาการเจ็ทแล็ก (JIT- - LEG) แก้ไขอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เพราะร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และไม่รู้สึกเครียด ไม่รู้สึกวิตกกังวล สมรรถภาพทางเพศจึงดีขึ้น ควรอย่างยิ่งที่จะรับประทานข้าวกล้องเป็นมื้อเย็น
วงเงินการอุดหนุน ควรใช้แนวทางระบบอุดหนุนภาคการเกษตร แบบชาวนา อเมริกา หรือ ญี่ปุ่น ที่ขายข้าวได้ราคาสูงมาก
ทั้งนี้การอุดหนุนควรไม่ต่ำกว่า 50000 ต่อ 10ไร่ ถ้าจะมีนโยบายให้ชาวนาปลอดหนี้โดยเร็ว โดยเฉลี่ย รัฐบาลชุดนี้ เก็บภาษีได้ ปีละ 1.5ล้านๆบาท จากเดิมในยุคก่อนๆหน้า ที่เก็บได้เพียงระดับ 2แสนล้านบาท อันเนื่องมาจากการปราบปรามยาเสพติด กฎหมายยึดทรัพย์การฟอกเงิน กฎหมายการเงินการธนาคาร โดยเฉพาะกฎหมายค้ำประกันเงินฝากที่จะทำให้บัญชีที่มีการใช้ฟอกเงินโด่เด่ให้เห็นชัดเจน การที่เก็บเงินภาษีได้มากขึ้นขนาดนี้ เห็นควรว่าควรนำมาใช้กับฐานรากของสังคม ก็เป็นการสมควรอยู่บ้าง อะไรที่ไม่จำเป็นหรือไม่ควรเร่งรีบควรลดงบประมาณลงเพื่อนำมาใช้ในการนี้ที่จำเป็นเร่งด่วนกว่า
ไทยมีผลผลิต ประมาณ 20ล้านตันข้าวสาร ต่อปี ปีนี้จ่ายชดเชยความเสียหายจากอุทกภัยไปแล้วกว่า 8 ล้านตัน โดยจ่ายชดเชยให้เกษตรกรไร่ละ 1,113 บาท รายละไม่เกิน 30 ไร่
ข้าวสารอเมริกันที่วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 45 = 75.55 US$ หรือ 2417 บาท เท่ากับ ตันละ 483,000 บาท
ข้าวสารดำอินทรีย์จากประเทศไทย ที่วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 26 = 43.65 US$ หรือ 1396 บาท เท่ากับ ตันละ 279,000 บาท ถ้าเป็นข้าวสารหอมมะลิ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ ? 12 = 20.14US$ หรือ 644 บาท เท่ากับ ตันละ 128,000 บาท
ข้าวสารหอมมะลิธรรมดา ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ ? 10.29 = 17.27 US$ หรือ 552 บาท เท่ากับ ตันละ 110,000บาท
ข้าวสารบาสมาติกสีขาวอินทรีย์ ปากีสถาน วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 18 = 30.22 US$ หรือ 967 บาท เท่ากับ ตันละ 193,000 บาท
ข้าวสารบาสมาติก ธรรมดา วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 12 = 20.14 US$ หรือ 644 บาท เท่ากับ ตันละ 128,000 บาท
ข้าวสารญี่ปุ่น วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 16 = 26.86 US$ หรือ 859 บาท เท่ากับ ตันละ 171,000บาท
ข้าวสาร ข้าวกล้องหอมมะลิมันปู วางจำหน่ายในประเทศไทย ยี่ห้อเทสโก้โลตัส ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา 205 บาท = 6.40 US$ เท่ากับ ตันละ 41,000บาท
ข้าวสาร ข้าวกล้องหอมมะลิ วางจำหน่ายในประเทศไทย ในตลาดสด ถุงขนาด 1 กิโลกรัม ราคา 40 บาท = 1.25 US$ เท่ากับ ตันละ 40,000บาท
จีนผลิต ได้ประมาณ 140 ล้านตัน บริโภคประมาณ 145ล้านตัน นำเข้าประมาณ 3ล้านตัน ปริมาณข้าวสำรองประมาณ 45-100ล้านตัน การสำรองข้าวของจีน ทำโดย รัฐวิสาหกิจ คอฟโก้(COFFCO Corporation) ที่มีหน้าที่สำรองข้าว ในไซโล จีนมีความต้องการบริโภคข้าวปีละประมาณ 135-200 ล้านตัน ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณผลผลิตข้าวที่จีนผลิตเองได้ จีนเป็นประเทศที่ปลูกข้าวได้มากที่สุดในโลก จีนเคยประสพกับปัญหาการอดอยากและไม่มีข้าวเพียงพอให้กับประชาชน (ประมาณปี 1950 – 1961) 2554 จีนเคยประสบกับปัญหาภัยธรรมชาติหลายพื้นที่ใน 8 มณฑลที่มีการปลูกข้าวที่สำคัญที่สุดของจีน (โดยเฉพาะมณฑลหูหนาน เจียงซี มณฑลเสฉวน) รวมพื้นที่กว่า 1.13 ล้านเฮกตาร์ ได้รับความเสียหายเนื่องจากประสบภัยน้ำท่วมและศัตรูพืช ส่งผลต่อการผลิตข้าวของทั้งประเทศลดลง 10% โดยเฉพาะในเขตปลูกข้าวที่สำคัญที่สุดของจีนอาจมีผลผลิตลดลงถึง 20% จีนมีปัญหาพื้นที่เกษตรกรรมที่กำลังลดจำนวนลง ประชากรจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปัญหาสภาพอากาศแหล่งต้นน้ำเทือกเขาหิมาลัยมีการเปลี่ยนแปลง แต่แนวโน้มประชากรในอีก 20 ปีข้างหน้าอาจจะลดลงเช่นเดียวกับอินเดีย เพราะมีชายโสดในประเทศกว่า 100 ล้านคน ในอนาคตจีนอาจกลายเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญ โดยเฉพาะ ถ้าพันธุ์ข้าวในมณฑลเสฉวนและซินเกียงเกิดการกลายพันธุ์ไปในทางที่ดี และจีนมีโครงการที่จะปลูกข้าวที่ผ่านการแปลงพันธุกรรม เพื่อความมั่นคงทางอาหาร
ในปีเดียวกันนั้นไทยก็ถูกน้ำท่วมจากพายุ จนน้ำเกินกำลังเขื่อน ธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 และจัดให้เป็นภัยพิบัติครั้งสร้างความเสียหายมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลก
อุทกภัยดังกล่าวทำให้พื้นดินกว่า 150 ล้านไร่ (6 ล้านเฮกตาร์) ซึ่งในจำนวนนี้เป็นทั้งพื้นที่เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมใน 65 จังหวัด 684 อำเภอ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 4,086,138 ครัวเรือน 13,595,192 คน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 2,329 หลัง บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 96,833 หลัง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย 11.20 ล้านไร่
ถนน 13,961 สาย ท่อระบายน้ำ 777 แห่ง ฝาย 982 แห่ง ทำนบ 142 แห่ง สะพาน/คอสะพาน 724 แห่ง บ่อปลา/บ่อกุ้ง/หอย 231,919 ไร่ ปศุสัตว์ 13.41 ล้านตัว มีผู้เสียชีวิต 813 ราย (44 จังหวัด) สูญหาย 3 คน[
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้การเบิกจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาทต่อครอบครัว รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยผู้ประสบภัยน้ำท่วม นาข้าว 2,222 บาทต่อไร่ บ่อเลี้ยงกุ้ง หอย ได้สูงสุดถึงไร่ละ 10,920 บาท วงเงิน 120,000 ล้านบาท
ธนาคารโลกประเมินความเสียหายและความสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจากน้ำท่วมครั้งนี้มีมูลค่า 1.36 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นความเสียหายทรัพย์สิน 640,000 ล้านบาท และความสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจอีก 717,000 ล้านบาท ความเสียหายใหญ่เกิดกับภาคเกษตร ปศุสัตว์และประมง 94,800 ล้านบาท ภาคอุตสาหกรรม 931,000 ล้านบาท การท่องเที่ยว 115,000 ล้านบาท ระบบขนส่ง 3,309 ล้านบาท
การศึกษาผลกระทบน้ำท่วม คาดว่าไทยต้องใช้งบประมาณในการฟื้นฟูหลังน้ำลดเพื่อให้สามารถกลับมาผลิตใหม่อีกถึง 756,000 ล้านบาท โดยจำนวนนี้เป็นการฟื้นฟูภาคเอกชน 520,000 ล้านบาท และของรัฐบาลอีก 235,000 ล้านบาท โดยวงเงินที่ต้องใช้แบ่งเป็น1. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ระบบการจัดการน้ำ 69,100 ล้านบาท ระบบขนส่ง 24,500 ล้านบาท
2. ภาคการผลิต อาทิ ภาคการเกษตร ปศุสัตว์ และประมง 1,290 ล้านบาท ภาคอุตสาหกรรม 151,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีผู้ประกอบการต้องการใช้เงินสภาพคล่องผ่านระบบสถาบันการเงิน 430,000 ล้านบาท
3. ภาคสังคม เช่น ด้านสุขภาพ 3,692 ล้านบาท สังคม 21,800 ล้านบาท การศึกษา 14,000 ล้านบาท
4. ภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สิ่งแวดล้อม 8,184 ล้านบาท
ความเสียหายเบื้องต้นในด้านอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน มีทุนประกันรวม 745,398 ล้านบาท ประเมินความเสียหายอยู่ที่ 149,000-216,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริษัทประกันภัยในญี่ปุ่นรับภาระ
อินเดียผลิต ข้าวได้ประมาณ 100ล้านตัน บริโภคประมาณ 95ล้านตัน ส่งออก ประมาณ 10ล้านตัน ปริมาณข้าวสำรอง ประมาณ 25-50 ล้านตัน ผลจากการที่อินเดียส่งออกข้าวสู่ตลาดโลกมากขึ้นทำให้ราคาข้าวในประเทศสูงขึ้น 30% ทำให้มีการออกมาตรการ ควบคุมการส่งออกข้าว จากเดิมที่ไม่มีระบบควบคุมผู้ส่งออก ที่กดราคารับซื้อ แล้วนำไปขายในตลาดโลกราคาถูกๆระดับ 200-400เหรียญต่อตัน นับว่าชาวนาอินเดียต้องทนทุกข์เป็นอันมาก แต่ส่วนนึงเกิดจากทางการไม่ต้องการให้ราคาอาหารในประเทศมีราคาสูงเกินกว่าที่คนจนที่ไม่ได้ทำนาจะมีกำลังซื้อ แต่ทั้งนี้ รัฐสามารถให้การอุดหนุนคูปองการซื้อข้าวได้ เพราะเทคโนโลยี ชิปบัตรไอดีไมโครเครดิต ปัจจุบันมีความพร้อมที่จะทำได้ไม่ยาก และชิปมีราคาถูกลงมาก แล้วก็อัตราการขายปุ๋ยเคมี เครื่องจักรกลการเกษตร และยาปราบศัตรูพืชในอินเดียค่อนข้างต่ำถึงต่ำมาก และเพิ่มผลผลิตต่อไร่ไม่ได้ เนื่องจากราคาขายข้าวได้ต่ำมาก เกษตรกรจึงใช้แรงคนและแรงวัวเป็นหลัก
เวียดนามผลิตได้ประมาณ 25 ล้านตัน บริโภคประมาณ 20ล้านตัน ส่งออกประมาณ 7ล้านตัน ปริมาณข้าวสำรอง ประมาณ 2 ล้านตัน การสำรองข้าวของเวียดนามต่ำมากในบรรดาประเทศผู้ผลิตอาจ เนื่องมาจากระบบการค้าที่ผู้ซื้อเพื่อการส่งออกผูกขาดอยู่ ชาวนาเวียดนามจึงค่อนข้างยากจนเช่นเดียวกับอินเดีย แต่แรงงานหลักในการทำนาจะใช้ควายเป็นหลักเช่นเดียวกับพม่า ซึ่งแตกต่างจาก ฟิลิปปินส์ ซึ่งจะเป็นแบบผสมผสาน เพราะมีแรงซื้อเครื่องจักรการเกษตรจากแรงงานที่ทำงานในเรือขนส่งสินค้าจำนวนมากและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง
กระทรวงพัฒนาการเกษตรและชนบทเวียดนามจะลงทุนประมาณ 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการสร้างระบบสำรองข้าว คลังสำรองธัญญาหารขนาด 2ล้าน 8แสนตันที่จะสร้างขึ้นใหม่นี้จะอยู่ใกล้กับเมืองโฮจิมินฮ์ (Ho Chi Minh) และท่าเรือ โลงอัน จะสามารถสำรองข้าว 4 ล้านตัน แต่เวียดนามมีปัญหาเรื่องราคาในตลาดโลกต่ำ เนื่องจากปัญหาพิกัดของสารตกค้างที่อาจจะมีในข้าวเช่นเดียวกับบังคลาเทศ แต่ถ้าเริ่มมีการใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับที่ระบุพิกัดการผลิต ราคาน่าจะปรับตัวขึ้นได้ในอนาคต
ไทยมีแผนที่จะสำรองข้าวและสินค้าเกษตรอื่นๆเพื่อความมั่นคง (Food Security) ให้กับประเทศอื่นๆทั่วโลก
โดยได้เริ่มต้นเจรจาไปแล้ว กับรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่จะสำรองข้าวให้กับกลุ่ม ประเทศในอ่าวอาหรับ 6 ประเทศ ซึ่งยูเออีให้ความสนใจมาก และเสนอที่จะสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงให้ ไทยด้วย รวมถึงยังได้หารือกับรัส เซียแล้ว
นอกจากนี้ วางเป้าหมายเจรจาเพื่อสำรองข้าวให้กับสมาชิกของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก), บาง ประเทศในอาเซียน เช่น อินโดนี เซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน สิงดโปร์ มาเลเซีย และประเทศคู่เจร จาความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟ ทีเอ) กับไทยที่ต้องการบริโภคข้าว เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เป็นต้น
ปี 2554 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย รัฐมนตรีด้านการเกษตรและป่าไม้ของประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสาม(ASEAN+3) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมหรือเอ็มโอยู เพื่อยืนยันพันธกรณีในการพัฒนาความร่วมมือในภาคเกษตรกรรม อาหาร และป่าไม้ นอกจากนี้ ทั้ง 13 ประเทศยังได้ลงนามในข้อตกลงอาเซียนบวกสาม ว่าด้วยการสำรองข้าวสำหรับกรณีฉุกเฉิน ซึ่งระบุว่า ทั้ง 13 ประเทศจะสร้างคลังข้าวสำรองปริมาณ 787,000 ตัน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ โดยจีนจะส่งข้าวเพื่อสำรองในสต๊อก 300,000 ตัน ญี่ปุ่น 250,000 ตัน เพิ่มระดับการสำรองข้าวในประเทศเป็นระดับที่มากกว่า 2 -3ล้านตัน และเกาหลีใต้ 150,000 ตัน ขณะที่ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศจะร่วมกันส่งข้าวเข้าคลังสำรอง 87,000 ตัน แต่อินโดนีเซียมีนโยบายปรับลดการนำเข้า เนื่องจากข้าวที่ผลิตได้ในประเทศไม่เพียงพอกับการบริโภคเช่นเดียวกับไนจีเรียที่ตั้งกำแพงภาษีถึง 40-100% และอินโดนีเซียออกกฎห้ามขายข้าว 1วันในหนึ่งสัปดาห์
แนวโน้มของตลาดโลกที่รัฐของแต่ละประเทศผู้ผลิตที่สำคัญหันมาให้ความสนใจเรื่องความมั่นคงทางอาหารกับภัยพิบัติ และหันมาสนับสนุนให้มีการสร้างไซโลเก็บสำรองข้าวมากขึ้น ห้างสะดวกซื้อโมเดิร์นเทรดสามารถสั่งผลิตข้าวถุงในแบรนด์ของตัวเองแข่งกับราคาตลาดในประเทศ และมีแนวโน้มที่อาจจะกลายเป็นผู้ส่งออกไปยังห้างเครือข่ายในต่างประเทศได้ ผู้ที่เคยเป็นตัวกลางในการส่งออกเพียงอย่างเดียว ควรปรับตัวหันมาใช้โครงการของรัฐในระบบฟู๊ดซีเคียวริตี้ให้มากขึ้น เพราะแนวโน้มสภาวะอากาศโลก และสภาพโลกร้อนที่เกิดจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลของการขยายตัวทางอุตสาหกรรมของประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ๆหลายประเทศ แต่ทั้งนี้จีนได้ลงนามพิธีสารเกียวโตแล้ว สถานการณ์การควบคุมสภาวะโลกร้อนจะตกอยู่กับอเมริกาที่ยังไม่ลงนาม นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐ ทั้งกองทับบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ มีโครงการวิจัยสภาพอากาศ มีโครงข่ายควบคุมซอร์สดาวเทียมเกือบทั่วโลกจากโครงข่ายนาโต้ และมีโครงการฮาร์พโปรเจค(HARRP)เพื่อควบคุมสนามแม่เหล็กของขั้วโลก ที่องค์การเซิร์น(Cern)กำลังทำการวิจัยแข่งขันอยู่ การทำประกันภัยสภาพอากาศ ควรทำกับ บริษัทจากสหรัฐอเมริกา หรือประเทศในกลุ่มนาโต้เช่น นอร์เวย์ หรือ อังกฤษ เพื่อกระจายความเสี่ยง ที่เห็นได้ชัดว่าโครงการควบคุมสภาพอากาศประสบความสำเร็จคือ พายุแคทรีน่า เกิดการเปลี่ยนทิศทางจากเมืองหลักไปเป็นเมืองรองที่ความเสียหายน้อยกว่า
รายงานการศึกษาวิเคราะห์ภาวะโลกร้อนกระทบแหล่งผลิตอาหารโลก จากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) ณ ฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น สถานการณ์สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงทั่วโลกทำให้ราคาสินค้าอาหารสูงขึ้น รัฐบาลจึงดำเนินนโยบายส่งเสริมภาคเกษตรของญี่ปุ่นโดยตั้งเป้าเพิ่มการผลิต อาหารภายในประเทศ 50% ภายในปี 2563
กล่าวคือ สถานการณ์อาหารโลกในอนาคต ผู้เล่นรายใหญ่จะเป็นรัฐบาลประเทศต่างๆมาออกหน้า เพราะความมั่นคงทางอาหาร กับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ที่ใหญ่จนดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้ จึงไม่อาจปล่อยให้ผู้เล่นรายเล็กทำตลาดเพียงลำพัง อีกต่อไป สิ่งที่ประเทศผู้ผลิตอาหารจะนำมาต่อรองกับสถานการณ์ความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่ปัจจุบันมีสเกลที่ใหญ่กว่าสมัยก่อนมาก คือกลไกราคาตลาด ต่อการประกันภัย ที่ยังไม่รวมถึงตลาดการซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งหมายถึง แนวโน้มของราคาอาหารในตลาดโลกที่จะเพิ่มขึ้นในแบบล๊อค รัฐบาลประเทศต่างๆ จะไม่สร้างกลไกการตรึงราคาในประเทศให้ต่ำอีกต่อไปอย่างที่เคยทำอยู่ และสิ่งที่จะเห็นบนโต๊ะอาหารที่มาจากประเทศโลกที่ 3 ในอนาคต คือ นอกจากอาหารที่มาจากความเหนื่อยยากและวงจรหนี้ของเกษตรกรแล้วแต่ละเมล็ดยังจะมีการคำนวนจำนวนของคณิตศาสตร์ประกันภัยจากระดับต้นน้ำอยู่ด้วย จากเดิมที่จะมีเพียงช่วงกลาง ถึงปลาย ในกระบวนการส่งออก นำเข้า บรรจุถุง วางจำหน่าย และ การนำไปผลิตออกจำหน่าย
ร้านค้าห้างโมเดิร์นเทรด เป็นแหล่งสำคัญในการกระจายสินค้าข้าวในตลาดโลก แต่กำไรของร้านค้าห้างโมเดิร์นเทรด ส่วนใหญ่ จะหมดไปกับ ต้นทุนระบบขนส่ง ค่าน้ำมัน ค่าบริหารจัดการ ค่าจ้างแรงงาน ค่าเช่าสถานที่ จึงควรที่จะมีการส่งเสริมการลงทุนให้ กับกลุ่มนี้ ระบบร้านค้าห้างโมเดิร์นเทรด ส่วนใหญ่ ถูกสนับสนุนขึ้นมาให้มีกิจการเพราะ เป็นระบบที่ทำให้มีสินค้าและล๊อตสินค้า ออร์เดอร์ ค้างส่งอยู่ในระบบซัพพลายเชน ในจำนวนที่แน่นอน และการสั่งสินค้ามากๆทำให้ต้นทุนขายต่อหน่วยสู่มือประชาชนลดลง อีกทั้งมีอำนาจต่อรองราคาขอส่วนลดเพิ่มจากโรงงานโดยตรง เพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงแหล่งอาหาร แหล่งการผลิตสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้ง อำนาจการควบคุม ต่อรอง ต่อโรงงานการผลิตสินค้าต่างๆ และ พัฒนาระบบเครือข่ายโลจิสติกส์ ในการระบายสินค้าของประเทศ
แต่ระบบแฟรนด์ไชน์ร้านค้าโมเดิร์นเทรด เก็บค่าลิขสิทธิ์ แรกเข้า ค่อนข้างสูง ประมาณ 4 ล้านบาท ทำให้ร้านค้าโชห่วยส่วนใหญ่ ไม่มีเงินนำไปลงทุน ควรที่จะมีการสนับสนุนส่งเสริมการลงทุนให้กับแบรนด์ที่ไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์แรกเข้า และเก็บค่าการตลาดชั้นวางสินค้าต่ำๆ เพื่อให้สินค้าราคาถูกหรือมีทุนน้อย ได้มีโอกาสในการวางจำหน่ายสินค้า คู่กับแบรนด์ดัง หรือมีการออกกฎหมายควบคุมค่าการตลาด ปัจจุบันอุปกรณ์สำนักงานซอฟท์แวร์ระบบบริหารจัดการร้าน ราคาถูกลงมากแล้ว เป็นโอกาสที่แบรนด์ โนเนมจะมีโอกาส แจ้งเกิดในเวทีโลก ถ้าการแข่งขันทางการตลาดเป็นธรรม
แต่ทั้งนี้ ใบกำกับภาษีของระบบบริหารจัดการร้าน ส่วนใหญ่ ใช้ พรินท์เตอร์ระบบเทอร์โม กรมสรรพากรควรพัฒนาระบบภาษีเรียลไทม์ โดยไม่ต้องรอเคลียริ่งจากผู้ประกอบการตอนสิ้นปี เพราะ ระบบ บรอดแบรนด์ของประเทศ มีความก้าวหน้าในระดับนึงแล้ว จะทำให้มีเม็ดเงินภาษีครบถ้วน เพื่อนำไปใช้ส่งเสริมการลงทุน
และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกข้าว ควรออกมาตรการลดภาษีให้กับร้านฟาสต์ฟู๊ดที่มีการเสริฟเมนูข้าวในเชนต่างประเทศ โดยเฉพาะร้านที่มีการเสริฟไอศกรีมโยเกิร์ต เช่น เคเอฟซี และแมคโดแนลด์ เพื่อสนับสนุนให้มีการบริโภค เมนูสุขภาพ เพราะ ข้าว กับแป้งข้าวโพด แป้งสาลี มีความแตกต่างกันในเรื่องของชนิดน้ำตาลในแป้ง และซึ่งมีผลต่อระบบบอตาเมลิซึ่ม ระบบการย่อย ระบบทางเดินอาหาร ระบบไบโอคล็อค ระบบการเจริญเติบโตของกระดูก ระบบการสร้างเม็ดเลือด และสุขภาพโดยรวม ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประเทศที่มีรายจ่ายด้านยาเป็นสวัสดิการสังคมอย่างไทย แต่หลายๆประเทศยังไม่กล้าใช้นโยบายให้ยาเป็นสวัสดิการสังคม เพราะอุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมเคมี ชีวภาพ และอุตสาหกรรมอาวุธ มีความสัมพันธ์กันผ่านทาง กลุ่มรีพลับลิกัน มีบริษัทยาจำนวนมากที่ซ่อนวิศวกรรมเคมียาไว้ด้วยเทคนิคต่างๆ ดังนั้น ผู้ที่คุมนโยบายทางการแพทย์ คุมบัญชียาแห่งชาติ ควรเป็นคนที่มีความรู้ด้านวิศวกรรมเคมียาอย่างถ่องแท้ ลำพังการซีแอลยามาทำนโยบายสวัสดิการสังคมอาจไม่ค่อยได้ผล ถ้ารัฐบาลประเทศใดต้องการใช้ยาเป็นสวัสดิการสังคมควรติดต่อกับกลุ่มรีพลับบิกันผ่านทางล็อบบี้ยิสต์ ส่วนเดโมแครตสนับสนุนการซีแอลยาอยู่แล้ว หรือไม่ก็ติดต่อผ่านทางอุตสาหกรรมยาในยุโรป เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ การซ่อนสูตรยาไว้ในน้ำแร่ ด้วยอัตราส่วนของกำมะถัน แคลเซียมคลอไรด์ และไอโอดีน มีมานานแล้วในอินเดีย จากบันทึกทางยาของโยคีต่างๆ รวมถึงปรมาจารย์ตั๊กม้อ ซึ่งมาจากอินเดีย หรือ ตำหรับลับทางวิศกรรมเคมีของตระกูลถัง อีกแนวมางนึงที่จะทำให้ยาเป็นสวัสดิการสังคมของสหประชาชาติได้อย่างแท้จริงคือ รัฐบาลที่มีเม็ดเงินเหลือใช้ในมือมากๆควร ซื้อหุ้นบริษัทเคมียา มาสะสม รวมทั้งต้องซื้อตัวคีย์แมนทั้งหมดของกลุ่มบริษัทด้วย
ควรมีการสร้างหรืออุดหนุนให้เอกชนสร้างไซโล สำรองข้าว ขนาด 1-3 ล้านตัน กระจายอยู่ทั่วประเทศ และไซโลขนาด 5 ล้านตันขึ้นไปในแนวจังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี หรือแถบ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไป เพื่อไม่ให้ถูกตีความว่าเป็นยุทธปัจจัย และควรส่งเสริมให้เอกชนไปสร้างไซโลข้าวในประเทศพม่า กัมพูชา และลาวด้วย เพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมข้าว
ส่วนรางรถไฟสายอาเซียน สายใหม่ในภาคอีสาน ลาว ที่เชื่อมไปถึงปักกิ่ง เพื่อขนข้าว ควรขอเงินรัฐบาลจีนมาสร้างถนนเลียบทางรถไฟไปด้วย เพราะแนวที่ดินเวนคืน กว้างถึง 104เมตร
ชาวนาที่ยังไม่ได้เงิน และไม่ได้รับการติดต่อจากสภาทนายความ ควรไปทำการฟ้องร้องรัฐบาลอย่างน้อยในคดีความเสียหายทางแพ่ง คือถ้าไม่อยากเอาเรื่องเป็นความกับรัฐบาลในคดีอาญา ก็ควรฟ้องเพาะแพ่ง ซึ่งมีโอกาสชนะคดีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แต่ถ้าท่านไม่อยากใช้บริการฝ่าย ปชป. ก็ควรไปติดต่อทนาย หรือนักการเมืองในท้องที่ ส่วนใหญ่จะเรียนมาทางนิติศาสตร์อยู่แล้ว ทั้งนี้การฟ้องแพ่งต้องใช้เงินค่าฟ้อง 7000 ท่านอาจต้องเซ็นสัญญาการกู้ยืมเงิน 7000-10000บาท เป็นค่าดำเนินการ ซึ่งจะมีเงินมาจ่ายหลังคดีสิ้นสุด ซึ่งในต่างประเทศ สำนักงานทนายความมีระบบ แบ่งค่าเสียหายที่ฟ้องได้ให้สำนักงานทนายความประมาณ 10-50% โดยจะออกค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องให้ก่อนขึ้นอยู่กับความยากง่ายของคดี แ ละจะเป็นผู้คำนวนตัวเลขค่าเสียหายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ด้วย แต่ทั้งนี้ปรกติ ทางทนายจะรอให้ผู้เสียหายเป็นผู้เสนอเปอร์เซ็นต์ ก่อน และมีการเซ็นต์สัญญาส่วนแบ่งค่าเสียหายกัน ถ้ามีการฟ้องร้องตัวเลขค่าเสียหาย รัฐบาลก็จะสามารถแบ่งปันงบประมาณให้กับชาวนามากขึ้นกว่าปรกติที่ควรจะเป็น
และรัฐบาลควรให้ ธกส.ขยายวงเงินให้กับชาวนาเป็นการเฉพาะหน้าไปก่อนด้วย แต่ทั้งนี้ ธกส.ไม่มีบริษัทประกันในเครือ แต่มีโครงการประกันภัยผ่าน ธ.ก.ส. กับบริษัทสมโพธิ์ เจแปน ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด โครงการนี้เริ่มมีเมื่อปี 2554 ค่าเบี้ยประกัน 130 บาทต่อไร่ แต่รัฐบาลช่วยจ่าย 70 บาท และถ้าเป็นเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ทาง ธ.ก.ส. ช่วยอีก 10 บาท เกษตรกรจ่ายเพียง 50 บาทต่อไร่ ถ้าเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติจะได้ค่าชดเชย 1,400 บาทต่อไร่ ซึ่งประกันภัยในปี 2554 ไม่รวมภัยโรคระบาดและแมลงศัตรูพืช
มีการปรับเกณฑ์ เพิ่มความคุ้มครองภัยจากศัตรูพืชและโรคระบาดด้วยในปี2555 โดยปรับเงื่อนไขอัตราค่าชดเชยภัยธรรมชาติเป็นอัตราเดียวคือ ค่าชดเชยภัยธรรมชาติ 1,111 บาทต่อไร่ จากเดิมมี 2 ระยะคือ 60 วันแรกหากประสบความเสียหายจ่ายชดเชย 606 บาทต่อไร่ ถ้าหลัง 60 วันไปแล้วจ่ายชดเชย 1,400 บาทต่อไร่ ความเสียหายที่เกิดกับนาข้าวจากภัยธรรมชาติและภัยพิบัติ อาทิ อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และไฟไหม้ จะได้รับค่าชดเชย 1,111 บาทต่อไร่ ส่วน กรณีภัยศัตรูพืชและโรคระบาดที่เพิ่มขึ้นมาในปี 2555 นี้ ได้รับค่าชดเชย 555 บาทต่อไร่ โดยมีเงื่อนไขเรื่องเวลาคือ ถ้าวันที่เกิดความเสียหายยังอยู่ในช่วง 7 วันแรกนับจากวันที่ขอเอาประกันภัย จะไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทน แต่จะได้รับการคืนเบี้ยประกันภัย
บริษัทสมโพธิ์ เจแปน ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด กำหนดค่าเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำ 464 บาท คือทำประกันภัยไว้ในวงเงินไม่เกิน 10,000 บาทเท่านั้น โดยธนาคาร ธกส. ต้องการให้ค่าเบี้ยอยู่ที่ไร่ละ 250 บาท แต่บริษัทประกันต้องการที่ 290 บาท สัญญาณภัยแล้งที่เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปี ระดับน้ำที่ในแม่น้ำสายหลักลดลงมาก น้ำไม่พอจ่ายเข้าพื้นที่การเกษตร ทางการแจ้งเตือนการเพาะปลูกในฤดูนาปรัง น้ำเค็มทะลักถึงภาคกลางตอนบน ส่งผลให้แนวโน้มผลผลิตที่จะออกในฤดูนาปรังลดลงมาก นโยบายรับจำนำ ทำให้ชาวนาส่วนใหญ่เลือกที่จะขายกับโรงสีในโครงการของรัฐบาล มีเอกชนบางรายที่มีสัญญาค้างในการส่งออกเท่านั้นที่เปิดรับซื้อข้าว และมีเอกชนบางรายที่มองเห็นแนวโน้ม เนื่องจากรัฐบาลค้างจ่ายค่าข้าวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม มีเอ็มโอยูกับอินโดนีเซียและจีน แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหว บางรายจึงเริ่มรับข้าวเปลือกเข้าไซโลอย่างต่อเนื่อง ส่วนข้าวในโครงการของรัฐบาลส่วนใหญ่ทำการบรรจุถุงเกือบหมดแล้ว ล่าสุดทางการจีนอาจจะยกเลิกการนำเข้า และเริ่มทำการสอบสวน โดยอ้างว่าอาจมีการทุจริตเกิดขึ้น
การเซ็นต์สัญญากู้ยืม ควรเขียนจำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวอักษรด้วยตัวเอง ชิดขอบด้านซ้ายมือตรงช่องว่างจำนวนเงิน
โดยผู้เซ็นต์ไม่ควรเป็นผู้ถือครองที่ดิน และควรมีผู้รู้เรื่องกฎหมายอยู่บ้างไปด้วย เช่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือรวมตัวกันไปหลายๆคนก็จะเป็นการดี ถ้าทนายนักการเมืองท้องถิ่นเป็น สส.พรรคเพื่อไทย ก็ควรรวมตัวกันไปหาเขา ถ้าเขาไม่สะดวกเขาจะแนะนำเพื่อนทนายมาดำเนินการให้ท่านแทน
ถ้ามีชาวนาไปยื่นฟ้องมากพอ ศาลอาจใช้วิธีไต่สวนในการดำเนินคดี และอาจมีการเปิดรับลงชื่อชาวนาในท้องที่ของแต่ละจังหวัด หรือมากกว่านั้นคือ การเรียก ตรวจสอบรายชื่อผู้เสีหายทั้งหมดในโครงการมาดำเนินการ
ชาวนาที่พอมีกำลังทรัพย์โปรดรีบดำเนินการ เป็นโอกาสของชนชั้นชาวนาที่จะเรียกร้องเพิ่มสัดส่วนงบประมาณที่ใช้ในระบบการอุดหนุนการเกษตรครั้งสำคัญ หรือขอยืมค่าธรรมเนียมศาล จากมูลนิธิที่ท่านรู้จัก แล้วลงชื่อ รวบรวมรายชื่อ มอบอำนาจให้ทนายของมูลนิธิดำเนินการแทน
ชาวตะวันตกส่วนใหญ่ยังยึดติดอยู่กับภาพที่ว่า ข้าวเป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม เพราะร้านอาหารที่เสริฟข้าวส่วนใหญ่จะราคาแพง ที่คนมีฐานะดีจะเข้าไปรับประทานกัน ทั้งๆที่หม้อหุงข้าวมีจำหน่ายแล้วทั่วโลกในราคาถูก แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว เพราะ โทรทัศน์ รายการทำอาหารสไตล์โมเดิร์นได้รับความนิยมมากในประเทศตะวันตก ควรที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกข้าวจะไปสนับสนุนซื้อเวลาในการโฆษณา
จากนโยบายโอท็อป บวกกับการกระจายอำนาจเม็ดเงินลงสู่ระดับเทศบาล และตำบล ข้าวถุง 5กิโลกรัม จากระดับ 100 ยี่ห้อ ได้พุ่งเป็น ระดับ 1000 ยี่ห้อ ในประเทศ เนื่องจากมีกลุ่มแม่บ้าน และ อบต.ผลิดข้าวถุงออกจำหน่าย มีการสั่งซื้อเครื่องจักรบรรจุข้าวมากขึ้น หลายพันเครื่อง
เกมการเมืองปัจจุบัน อาจจะมีผลต่อราคาข้าวในอนาคตด้วย เนื่องจากฝ่ายค้านขู่จะฟ้องศาลเรื่องการทุจริต และข้าวอาจถูกเงื่อนกฎหมายสั่งอายัด ซึ่งอาจส่งผลให้ข้าวขาดหายไปจากตลาดโลก 30% นานขึ้น และทางอินเดียส่งสัญญาณว่าอย่างมากก็ส่งข้าวเข้าสู่ตลาดโลกได้เพิ่มอีกเพียงแค่ 1 ล้านตัน ราคาในอนาคตของ ตลาดโลก ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าข้าวไทยจะหายไปจากตลาดโลกนานแค่ไหน สถานการณ์ล่าสุด ตำรวจขอชิงคืนพื้นที่ ในหน้าสื่อ เพราะการประท้วงส่งผลต่ออุตสาหกรรมการเงินในฟาก ที่รัฐบาลไม่ได้เป็นประกัน เพราะพรบ.ค้ำประกันเงินฝาก มีข่าวลือ และการถอนเงินออกวันละหลายหมื่นล้าน เป็นประเด็นที่อาจเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจโลก เหตุการณ์ความรุนแรงที่มีอาวุธสงครามปรากฏขึ้นประปราย มีชาวบ้านและตำรวจได้รับบาดเจ็บ จนถึงเสียชีวิต เรื่องนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังในการควบคุมอาวุธสงครามให้เข้มงวดขึ้น รวมทั้งนโยบายรัฐกันชน และประเด็นการพิจารณาสัญชาติไทย
เสรีชน ที่ติดอยู่ในภาพ การต่อต้านทรราชย์ และการฉ้อราฎร์บังหลวง ต้องตกเป็นเหยื่อ เกมการเมือง กระทบชิ่ง ปตท ครั้งแล้วครั้งเล่า
ถ้าหากประชากรโลกหันมารับประทานข้าวมากขึ้น แนวทางในการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกข้าว คือ ข้าวพันธ์พืชไร่ ซึ่งทนแล้ง แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับความนิยมจากชาวนา เพราะชาวนาส่วนใหญ่ของโลกเป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่รับน้ำ
อื่นๆ http://www.thaifreenews.net/2013/06/87-121600.html
ผู้ค้าข้าวในตลาดโลก ได้ชะลอดูท่าทีสถานการณ์ข้าวในประเทศไทยมาเป็นปีแล้ว ตั้งแต่มีการรับจำนำข้าวในราคาสูง เพื่อรอจังหวะในการเก็งกำไร ทำให้ผู้ส่งออก ส่งออกได้หดตัวลงจากเดือนละ 1ล้านตัน เหลือ 5-6 แสนตัน ทำให้บัฟเฟอร์ข้าวไทยในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ขายปลายทางจะรู้สึกได้ แต่เนื่องจากอินเดียซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวบาสมาติกมีตัวเลขส่งออกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคารวมในตลาดโลกลดลง นักค้าตัวเลขเพื่อรอเก็งกำไรก็เลยรอต่อไป
ปี 2554 ไทยส่งออกข้าว10.64 ล้านตัน อินเดียส่งออกข้าวได้ 10 ล้านตัน มีสต๊อกข้าวคงเหลือ 32.22 ล้านตัน
ปี 2555 ไทยส่งออกข้าว 6.94 ล้านตัน อินเดียส่งออกข้าว 7 ล้านตัน
ปี 2556 ไทยส่งออกข้าว 6.6 ล้านตัน ปี 2556 อินเดียได้คาดการณ์ว่าจะส่งออกข้าวลดลง 1 ใน 4 เพราะข้าวอินเดียราคาแพงขึ้น แต่ ยอดส่งออกจริงเป็น 10.5 ล้านตัน เพราะเริ่มขายได้ราคา และมีข้าวคงเหลือ 24.38 ล้านตัน นโยบายความมั่นคงทางด้านอาหารของอินเดียฉบับใหม่ ทำให้รัฐบาลมีภาระในการจัดสรรธัญพืชให้ประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยอินเดียมีแผนขายข้าวให้ผู้มีรายได้ต่ำ ที่กิโลกรัมละ 1.50 บาท มีเป้าหมาย 40 ล้านตัน ไนจีเรียมีการเรียกเก็บภาษีการนำเข้าที่สูงประมาณ 100% จากการวิเคราะห์ของสำนักวิจัยต่างๆ ระบุว่า ราคาข้าวโลก ราคาจะไม่ปรับตัวสูงขึ้น หากไม่มีสภาวะฝืดเคืองทางด้านอาหารอย่างร้ายแรง
ปี 255ึ7 สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดการณ์ว่า ไทยจะส่งออกข้าวได้ 7.5 ล้านตัน ทั้งที่ยอดการสั่งซื้อหดตัวมาตลอด 3ปี และกลุ่มโรงสีที่จะป้อนให้ผู้ส่งออกไม่มีข้าวในมือ แสดงว่าผู้ส่งออกเองก็เริ่มเตรียมการเก็งกำไรแล้วเหมือนกัน โดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้พยายามเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการจำนำข้าว และอินเดียให้การอุดหนุนข้าวราคาถูกแก่ประชาชนโดยขายกิโลกรัมละแค่ 4-5 บาท
ส่วนในประเทศไทย ผู้ค้าข้าวขายปลีก ประสบปัญหาการหาข้าวมาจำหน่ายในท้องตลาดมาเป็นปี ต้องเดินสายขอแบ่งข้าวจากชาวนาส่วนที่เก็บไว้กินตามหมู่บ้านมาสีขายในท้องตลาด และมีบางส่วนจากโรงสีที่ชาวนานำข้าวส่วนที่เหลือเก็บไปขายเอาเงินสด ทีสำคัญคือภาวะไคลเมทเชนจ์ และก๊าซเรือนกระจก ที่ส่งผลต่อสภาวะอากาศโลก ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไต่ระดับมาอยู่ที่ 27-28 องศา ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิเพาะเชื้อด้วย มาตั้งแต่ปี 2000 จากผลวิจัยของ Mora, Lab University of Hawaii Manoa
มีน้ำทะเลท่วมเกาะในอินโดนีเซียไปแล้วกว่า 24 เกาะ ชายฝั่งอ่าว ก ไก่ ของไทย มีน้ำทะเลท่วมเข้ามาแล้ว หลายกิโลเมตร
ผลวิจัยของนาซาเกี่ยวกับน้ำทะเลที่จะท่วมประเทศลุ่มน้ำต่างๆทั่วโลก ในอีกประมาณ 6-30 ปีข้างหน้า ที่ขึ้นสูงถึง 7เมตร ส่งผลต่อพื้นที่เกษตรกรรมทั่วโลกที่จะหดตัวลง โดยเฉพาะข้าวในพื้นที่ลุ่มน้ำ
ภาพในช่วงระหว่าง 3,000 – 2,000 ปีที่แล้วก่อนการเกิดขึ้นของเมืองรูปวงกลมอู่ทอง ระดับแนวชายฝั่งทะเลมีความสูงกว่าปัจจุบัน 3.5 - 4 เมตร น้ำทะเลขึ้นมาเกือบถึงเชิงเขา
ภาพตัวอย่างการวิจัยนาซ่าที่ระดับน้ำท่วม 7 เมตร
แผนที่แสดงความสูงจากระดับน้ำทะเล
สัญญาณภัยพิบัติใหญ่ๆ น้ำท่วม พายุ ที่ต่อเนื่องรุนแรงมาตลอด 4 ปี น้ำท่วมในปี 2553 2554 โดยปี 2555 เกิดน้ำท่วมที่อินเดีย ส่งผลกระทบต่อผู้คน กว่า 2 ล้านคน น้าท่วม 2556 และ พายุ ในฟิลิปปินส์ ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่เกษตรกรรมลุ่มน้ำ สำหรับการปลูกข้าวทั้งสิ้น และสัญญาณแนวโน้มความรุนแรงที่จะเพิ่มขึ้นก็มา คือ หิมะ ตกอย่างรุนแรงทั่วโลก ซึ่งน่าจะมาจาก กระแสน้ำอุ่น และขั้วสนามแม่เหล็กโลกที่เคลื่อนตัว รุนแรงถึง 60 ไมล์ จาก 240 ไมล์ที่เคลื่อนมาแล้ว และซุปเปอร์โนวา SN2014J ที่กาแลคซี่ Cigar M82 และ โนวาเดลฟินัส (Delphinus)เมื่อเดือน สิงหาคม 2013 ส่งผลต่อ การหมุนวนของสภาพอากาศขั้วโลกรุนแรงกว่าเดิม ในอดีต ช่วงฤดูหนาวปี 1930 ประเทศจีนตอนกลางมีหิมะตกหนักมาก ปี 1931เกิดพายุไซโคลน เหนือแม่น้ำแยงซีเกียง และแม่น้ำฮวงโหว เข้าสู่มณฑลนานกิง ระดับน้ำสูง 16 เมตร มีผู้เสียชีวิต 200,000-4ล้านคน มีผู้ได้รับผลกระทบ กว่า 30 ล้านคน
และ โนวาสกอร์ปี (Nova V1280 Scorpii) เมื่อ ปี2007 ซึ่งเป็นช่วงที่มีเกาะในอินโดนีเซีย จมน้ำทะเล
และถึงแม้จีนจะลงนามพิธีสารเกียวโตแล้ว แต่หนี้ภาคเอกชนขนาดมหาศาล เมื่อรวมกับหนี้ของสหรัฐ อัตราเร่งของอุณหภูมิก็จะลดลงไปไม่ได้มาก นอกจากมีเบรคอย่างรุนแรงต่อเศรฐกิจ หรือสังคม ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงใดๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่เคยก่อให้เกิดวิกฤติระดับโลก ต่างประเทศจึงจับตาดูอย่างใกล้ชิด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)