วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กำมะถัน สารสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ในจังหวัดที่มีกำมะถันในดินต่ำได้ โดยเฉพาะจังหวัดในภาคอีสาน ที่ดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย และขาดอินทรีย์สารอย่างรุนแรง ความน่ากลัวของการ GMO อาจแก้ไขได้ด้วย กำมะถัน กับการทำละลายด้วย น้ำมันมะพร้าว จาก กะทิ ซึ่งจะมีสารเร่งเอสโตรเจนด้วย

กำมะถัน สารสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ในจังหวัดที่มีกำมะถันในดินต่ำได้ โดยเฉพาะจังหวัดในภาคอีสาน ที่ดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย และขาดอินทรีย์สารอย่างรุนแรง ความน่ากลัวของการ GMO อาจแก้ไขได้ด้วย กำมะถัน กับการทำละลายด้วย น้ำมันมะพร้าว จาก กะทิ ซึ่งจะมีสารเร่งเอสโตรเจนด้วย



กำมะถัน สารสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ในจังหวัดที่มีกำมะถันในดินต่ำได้ โดยเฉพาะจังหวัดในภาคอีสาน ที่ดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย และขาดอินทรีย์สารอย่างรุนแรง

กำมะถัน ช่วยชำระล้าง สารพิษในชีวิตประจำวัน http://www.new-parenting.com/Vitamins-In-Vegetables-Fruits/What-is-Sulfuric-Acid.html
     กำมะถัน นับได้ว่าเป็นแร่ธาตุ ที่มีความสำคัญ และมีความจำเป็น ต่อร่างกายมนุษย์ อีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากคุณสมบัติ ของแร่ธาตุกำมะถันนั้น จะช่วยในการ ชำระล้างสารพิษ ที่เป็น

อันตราย และไม่มีประโยชน์ ต่อร่างกายของเรา ออกไปนั่นเอง ดังนั้นหากร่างกาย ขาดแร่ธาตุกำมะถัน ก็จะทำให้ร่างกายของเรา มีสารพิษสะสม อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลทำให้

เกิดโรคแทรกซ้อน ได้ง่าย


จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ แร่ธาตุกำมะถัน พบว่า กำมะถัน มีคุณค่าดังต่อไปนี้
สร้างโปรตีนในร่างกาย สร้างกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
 ช่วยชำระล้างสารพิษที่ไม่ดี และสารพิษที่เป็นอันตราย อาทิเช่น ควันของบุหรี่ สุรา ฯลฯ ออกจากร่างกายของเรา
ช่วยในการบำรุงรักษา เส้นผม เล็บมือ เล็บเท้า และผิวหนัง ทำให้มีสุขภาพของ เส้นผม เล็บมือ เล็บเท้า และมีผิวหนังที่สุขภาพดีสมบูรณ์แข็งแรง
 มีส่วนช่วยป้องกันการแข็งตัวของเลือดได้
ช่วยให้มีไขข้อที่ดี และช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อ ปวดตามกระดูกได้ดี
 มีส่วนช่วยในการผลิตสารอินซูลิน เพื่อควบคุมทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเป็นปรกติ
ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือด ช่วยเพิ่ม คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ที่ช่วยลดการ อุดตันไขมันในเส้นเลือด ทำหน้าที่ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน นอกจากนี้สาร

กำมะถันในหอมใหญ่ช่วยยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง มีฤทธิ์ป้องกันโรคภูมิแพ้และหอบหืด

เราสามารถหาแหล่งของแร่ธาตุกำมะถัน ได้จากการรับประทาน อาหารดังต่อไปนี้
เนื้อสัตว์นมไข่
อาหารประเภทผลไม้ ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย แร่ธาตุกำมะถัน อาทิเช่นทุเรียน สับปะรด อะโวคาโด นอกจากนี้ยังสามารถพบ แร่ธาตุกำมะถันได้ในนำผึ้ง อีกด้วย
อาหารประเภทผัก ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย แร่ธาตุกำมะถัน อาทิเช่น หัวหอม ขึ้นฉ่าย  กะหล่ำปลี หอมหัวใหญ่ หัวไชเท้า กระเทียม สาหร่ายทะเล รำข้าว เป็นต้น
กระเทียม ที่ค่อนข้างมีกำมะถันสูงกว่าชนิดอื่น จึงอยู่ในตำราสมุนไพร เป็นยาครอบจักรวาล ช่วยเร่งการสันดาปในเซลล์ให้สมบูรณ์ เกิดค่าความร้อน ซึ่งจะมีผลต่อความดันโลหิต และ

เพิ่มภูมิต้านทานโรคด้วย ถ้าใช้ให้ถูกวิธี และปริมาณ ร่วมกับ เครื่องสั่นอุลตร้าโซนิคแบบซิงโครไนซ์รอบตัว จะมีส่วนช่วยในการลดความอ้วนได้อย่างมาก แต่ต้องตั้งสั่นครั้งละไม่เกิน

10-15 นาที
การอดอาหารส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของความดันเช่นกัน เพราะในกระบวนการดึงไขมันสะสมออกไปใช้ของร่างกาย ต้องดึงกำมะถันไปเร่งการสันดาปของไขมัน ดังนั้นผู้ที่อดอาหาร

มื้อเย็น จะมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้นในเวลานอน แต่ไขมัน และไขมันในตับจะถูกดึงอย่างช้าๆ ถ้าหากเข้านอนแต่หัวค่ำ คือ ไม่ควรเกิน 20 นาฬิกา ซึ่งจะเข้ากับหลัก ไบโอคล็อค

ในน้ำแร่จะมีแร่ธาตุหลัก ๆ อยู่ 5 ชนิด คือ แคลเซียม เกลือ (โซเดียม) แมกนีเซียม โพแทสเซียม และกำมะถัน การดื่มน้ำแร่ก็คล้ายกับกินดินโป่ง เพราะแร่ในน้ำแร่ก็มาจากดิน ถ้า

เปรียบไปก็คล้ายกับสิ่งมีชีวิตในป่าที่กินดินโป่งเอาแร่ธาตุ น้ำแร่ก็เหมือนกับยาน้ำบำรุงแร่ธาตุจากธรรมชาตินั่นเอง

ที่ควรพึงระวัง คือ

           1.น้ำแร่อาจมีโซเดียมทำให้คนวัยทองความดันขึ้น แต่สภาวะความดันเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้นด้วย การอดอาหาร ความดันก็จะเพิ่มเช่นกัน แต่จะเป็นสภาวะ

การใช้พลังงานสำรอง จากตับ และไขมันสะสม

           2.คนที่มีปัญหาเรื่องไตหรือทางเดินปัสสาวะไม่ค่อยดี น้ำแร่อาจไปตกตะกอนเกิดตะกรันนิ่วอุดท่อฉี่ได้

           3.คนที่มีปัญหาโรคหัวใจต้องระวัง "ธาตุโพแทสเซียม" ในน้ำแร่ไปกวนหัวใจให้เต้นผิดปกติ

           4.แร่บางอย่างในเด็กถ้ามากเกินไปจะเป็นพิษอย่าง "ฟลูออไรด์" ทำให้ฟันเป็นจุดด่างดำแทน

           5.คนท้องต้องระวังเรื่องน้ำแร่ อัดแก๊สที่อาจทำให้ลมขึ้นเสียดท้องได้ และน้ำแร่ที่มีโลหะหนักมากอาจไปสะสมในทารกได้

           และ 6.โลหะหนักปนเปื้อนในน้ำแร่สะสมในคนได้ เช่น สารหนู ตะกั่ว ปรอท แมงกานีส ซีลีเนียม

          สิ่งที่อยากฝากคือ น้ำดื่มที่ดีที่สุดไม่ใช่น้ำดื่มที่ปราศจากแร่ใด ๆ เลย ซึ่งอย่างนั้นเรียกน้ำกลั่น จะใช้เติมแบตฯ รถยนต์หรือใช้ในห้องทดลองเท่านั้น แหล่งน้ำดื่มที่ดีที่สุดคือ น้ำ

ประปา น้ำกรองหรือน้ำธรรมชาติที่ไหลเวียนอยู่เสมอไม่ใช่น้ำนิ่ง ถ้าจะดื่มน้ำแร่ขอให้เลือกดูที่ข้างฉลากบอกปริมาณแร่ธาตุสำคัญ จะได้ไม่ต้องรับแร่ธาตุเกินไปกระตุ้นโรค

แต่น้ำแร่ซัลเฟอร์ ที่มีกำมะถันสูง ไม่ควรดื่ม เหมาะสำหรับการใช้อาบเพื่อรักษาโรคผิวหนังมากกว่า และเนื่องจากกำมะถัน เป็นได้ทั้งยา และถ้าสูง มีความเป็นพิษได้ จึงควรใช้อย่าง

ระมัดระวัง คือควรรับประทานจากพืชเป็นหลัก น้ำแร่ในท้องตลาดจึงมักจะไม่ระบุปริมาณกำมะถันในน้ำแร่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะน้ำแร่จากแหล่งที่อยู่

ใกล้รอยเลื่อนแผ่นดินไหว และอยู่ใกล้ภูเขาไฟ ถ้าผู้บริโภคต้องการทราบข้อมูลต้องลองติดต่อ บริษัทผู้ผลิต หรือขอข้อมูลจาก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แต่ มีการใช้กำมะถันเป็นยาฆ่าเชื้อ

ในระบบทางเดินอาหารในสัตว์มานานแล้ว แต่มนุษย์ไม่ควรสัมผัสหรือทานเข้าไปโดยตรงโดยเด็ดขาด ในร่างกายมนุษย์  มีกำมะถันเป็นส่วนประกอบ  ประมาณ 175 กรัม ต่อ น้ำหนัก 70 กิโลกรัม น้อย กว่า โซเดี้ยม คลอไรด์ เล็กน้อย
ในพืช กำมะถัน ถูกใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ดังนั้น ใบไม้ ชนิดอ่อนนุ่ม ที่มีกำมะถัน ไม่สูงมาก จึงมีส่วนช่วยในการสร้างโปรตีนสมานแผลได้ แต่ถ้าสูงมากเลือดจะไม่แข็ง

ตัวง่าย
ดินกรดกำมะถันครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 5 ล้านไร่ ในบริเวณจังหวัดปทุมธานี นครนายก ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา ที่น้ำทะเลเคยท่วมถึง และจังหวัดตามชายฝั่งทะเลภาคใต้

และภาคตะวันออก จึงเหมาะที่จะปลูก ทุเรียน สับปะรด อะโวคาโด  หัวหอม ขึ้นฉ่าย  กะหล่ำปลี(ระวังกอยโคร์เจน ไทรอยด์)  หอมหัวใหญ่ หัวไชเท้า กระเทียม และดินในจังหวัด

แถบนี้ รวมถึงจังหวัดที่อยู่ใกล้ ดินภูเขา ดินภูเขาไฟ ใกล้รอยเลื่อนแผ่นดินไหว ที่อุดมไปด้วยกำมะถัน  จึงให้ ผลผลิตข้าวต่อไร่ สูงกว่าจังหวัดอื่น เช่น สุพรรณบุรี กาญจนบุรี  จังหวัด

ภาคเหนือ เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ สุรินทร์ นครราชสีมาในบางอำเภอ

ชนิดของน้ำแร่ และ ผู้ที่ไม่ควรรับประทาน  http://whichonedrinks.weebly.com/about-mineral-water.html

1.น้ำแร่ไบคาร์บอเนต
(Bicarbonate water)
มีปริมาณไบคาร์บอเนต> 600 มิลลิกรัมต่อลิตร ช่วยปรับให้สารคัดหลั่งที่มีฤทธิ์เป็นกรดกลายเป็นกลาง,  ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำและเหลือแร่ให้แก่ร่างกาย จึงควรดื่มน้ำแร่นี้ 500-700

มิลลิลิตร ก่อนออกกำลังกายหรือทำงานที่ต้องเสียเหงื่อ เนื่องจากจะช่วยในการลดภาวะเลือดเป็นกรด
เช่นน้ำแร่ยี่ห้อ Volvic, Fiji, Snowy mountain เป็นต้น

2.น้ำแร่ซัลเฟต
(Sulfate water)
มีปริมาณ ซัลเฟต > 200 มิลลิกรัมต่อลิตร ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
น้ำแร่ชนิดนี้ได้แก่ น้ำแร่ยี่ห้อ Pi water เป็นต้น

3.น้ำแร่ซัลเฟต-ไบคาร์บอเนต
(Sulfate-bicarbonate waters)
ใช้รักษาภาวะที่การทำงานของถุงน้ำดีผิดปกติ, นิ่วในถุงน้ำดี, อาการหลังผ่าตัดถุงน้ำดี

4.น้ำแร่ซัลเฟอร์, เกลือ-ไอโอดีน, เกลือ-โบรมีน-ไอโอดีน
(Sulfurous, salt-iodine, salt-bromine-iodine waters)
มักใช้กับอวัยวะภายนอกร่างกาย เช่น การอาบ บรรเทาอาการอักเสบของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง และบรรเทาอาการทางผิวหนังบางชนิด

5.น้ำแร่ซัลเฟอร์และไบคาร์บอเนต
(Sulfurous and bicarbonate waters)
ใช้ในการรักษาโรคเบาหวาน โดยจะลดระดับน้ำตาล อาการกระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย แร่ไบคาร์บอเนต และยังช่วยลดภาวะเลือด  เป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวานได้

6.น้ำแร่คลอรีน (น้ำเกลือ)
(Chlorinated water (salt water))
มีปริมาณคลอไรด์ > 200 มิลลิกรัมต่อลิตร
ช่วยในการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ กระตุ้นการหลั่งน้ำดี, บรรเทาอาการท้องผูก

7.น้ำแร่แคลเซียม
(calcium water)
มีปริมาณแคลเซียม > 150 มิลลิกรัมต่อลิตร
น้ำแร่ที่มีแคลเซียมในปริมณมากเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีความต้องการแคลเซียมในปริมาณมากกว่าคนปกติ เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ สตรีสัยหมดประจำเดือน ผู้สูงอายุ
น้ำแร่ชนิดนี้ได้แก่ น้ำแร่ยี่ห้อ Evian, Badoit เป็นต้น

8.น้ำแร่แมกนีเซียม
(Magnesium water)
มีปริมาณแมกนีเซียม > 50 มิลลิกรัมต่อลิตร
 การมีแมกนีเซียมในน้ำแร่สูงจะช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำดี


9.น้ำแร่ฟลูออเรด (Fluorate water)
มีปริมาณฟลูออไรด์ > 1 มิลลิกรัมต่อลิตร

10.น้ำแร่เหล็ก(Ferrous water)
มีปริมาณเหล็กเฟอรัส > 1 มิลลิกรัมต่อลิตร
ช่วยบรรเทาอาการในภาวะโลหิตจากที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็ก

11.น้ำแร่โซเดียม(Sodium water)
ปริมาณ โซเดียม > 200 มิลลิกรัมต่อลิตร

12.น้ำแร่เกลือต่ำ(Low-salt water)
ปริมาณ โซเดียม < 20 มิลลิกรัมต่อลิตร

13.น้ำแร่คาร์บอร์นิค
(Carbonic waters)
มักใช้ในการอาบ และบรรเทาอาการของหลอดเลือดส่วนปลาย



ยาฆ่าหิด เหา และโลน http://www.healthcarethai.com/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%94-

%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%B2-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%99/



 หิดเกิดจากตัวไร จะคันตอนกลางคืน และมักเป็นทั้งครอบครัว เป็นมากในผู้ที่สภาพของสิ่งแวดล้อมไม่ดี โดยเฉพาะในเวลาสงคราม และในย่านสลัม สถานสงเคราะห์ ศูนย์อพยพ ผู้

ลี้ภัย ค่ายกักกันต่างๆ เช่น คุก
1. กำมะถัน (Sulfur)
กำมะถันเป็นยารักษาโรคผิวหนังมาแต่โบราณ เป็นส่วนประกอบอยู่ในน้ำแร่ ในอดีตใช้เผากำมะถันบูชาไฟ (จุดประสงค์เพื่อให้เกิดควันฆ่าเชื้อในอากาศ) มันมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา ฆ่า

เชื้อพาราไซด์ และรักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด กำมะถันมีฤทธิ์ละลายขุย (Keratolytic) จึงใช้รักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด เช่น เรื้อนกวาง ซีโบริค เอคซีม่า รวมทั้งสิว ทั้งนี้ อาจ

จะใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ผสมกับตัวยาอื่นก็ได้ ยาที่ใช่ผสมอยู่ด้วยกันมักจะเป็นกรดซาลิซัยลิค
แต่เดิมคนไทย ใช้กำมะถันบดกับน้ำมันกระเบา หรือน้ำมันมะพร้าว เคี่ยวนิดหน่อยให้ละลายแล้วทาแก้หิด เหา และโรคผิวหนัง บางแห่งใช้บดผสมกับกล้วย ปัจจุบันกำมะถันที่ใช้

ฆ่าพยาธิ เช่น หิด เหา ทำเป็นขี้ผึ้ง ความแรง 10%กำมะถันที่ใช้รักษาโรคอื่นๆ มีความแรงน้อยลงมา และเมื่อผสมกับยาอื่น ก็ใช้ในเปอร์เซ็นต์ต่างๆ กัน และทำออกมาจำหน่ายหลายรูป

หลายแบบ ทั้งยาน้ำ ยาครีม และยาแขวนตะกอน
ข้อควรระวัง
ขี้ผึ้งกำมะถัน 10% มีฤทธิ์ระคายเคือง อาจแสบ และไม่ควรถูกตา ใช้รักษาหิดดีมาก (ไม่ใช้ฆ่าเหา เพราะไม่ควรให้ถูกใบหน้า)
รูปของยา
ชื่อการค้าเช่น มิทิกอล ชนิดขี้ผึ้ง (Mitigal oint ment) มีกำมะถัน 20%
ขี้ผึ้งกำมะถัน (ointmem of sulphur) 10% (องส์การฯ)ขนาดหลอดละ 500 กรัม

ผลึกกำมะถันก้อนไม่ละลายในน้ำ ถึงแม้จะบดละเอียดแล้วก็ตาม

กำมะถัน ใช้เป็นธาตุอาหารรอง ปรับปรุงดิน ทำให้ เพิ่มประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสง เพิ่มผลผลิตข้าวให้มากขึ้นได้ แต่ต้องใช้เทคนิคทางเคมี หรือความร้อนในการทำละลาย

หรือใช้ไขมันที่มีความเป็นด่างเช่น น้ำสบู่ช่วย  แต่กำมะถันเม็ดชนิดละลายน้ำ (WG) ได้รับความนิยมมากกว่า ดังนั้น จะไม่ค่อยพบเห็น การผสมกำมะถันในปุ๋ยเคมี ที่ทำให้ดินมีความ

เป็นกรดเพิ่มขึ้น การหุงละลายด้วยน้ำมันปาล์ม แอลกอร์ฮอร์ หรือ น้ำกะทิ
นอกจากนี้เมื่อ ประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสง เพิ่มขึ้น การดูดซึมธาตุอาหารในเวลากลางวันของพืชก็จะดีขึ้นด้วย
ใช้ในการกำจัดศัตรูพืช ด้วยราคาที่ต่ำกว่ายาฆ่าแมลงทั่วไป เช่น โรค  ราแป้ง ใบจุด ราสนิม  ไรขาว ไรแดง ไรเหลืองส้ม ไรสนิม ไรกำมะหยี่ ไรกระเทียม
แต่การพ่นใบพืชไม่เป็นที่นิยมในเอเชีย เนื่องจากค่าความร้อนที่เกิดขึ้นสูง จะทำให้ใบไหม้ได้ง่าย จึงเหมาะที่จะใช้ในฤดู หรือพื้นที่ ที่มีอากาศเย็นมากกว่า

กำมะถันจากเปลือกไข่คั่วพอกรอบและบดละเอียดตำละเอียดน่าจะเพียงพอสำหรับผู้ที่มีที่ดินไม่มากมาย


โรคผิวหนัง
ยาสูบ ต้นทองพันชั่ง กำมะถัน ขมิ้น ไพล การะบูร น้ำมันพืช หรือ เหล้าขาว นำส่วนผสมมาตำรวมกัน

การควบคุมโรคและศัตรูพืช http://www.suansavarose.com/index.php?lite=article&qid=185651

การส่งเสริมบทบาทของ ชาวนา และ เกษตรกร เป็น หนทางหลัก ในการ เพิ่มรายได้ มาโปะรายจ่ายให้กับประเทศ
To promote the role of peasants and farmers.   Primarily as a way to raise revenue to fill budget for the country.

ความน่ากลัวของการ GMO อาจแก้ไขได้ด้วย กำมะถัน กับการทำละลายด้วย น้ำมันมะพร้าว จาก กะทิ ซึ่งจะมีสารเร่งเอสโตรเจนด้วย

แต่ข้อควรระวัง คือ ควรเน้น ที่ การเสริมกำมะถัน ลงในดิน ด้วยอัตราต่ำๆ ที่ สูงกว่า น้ำแร่ และ ดิน ต้องมีอินทรีย์สาร หรือ ปุ๋ย และ ธาตุอาหารรองด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น