วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข้าวในตลาดโลก

สถานการณ์ข้าวในตลาดโลก
การบริโภคข้าวทั่วโลกยังมีปริมาณมากกว่าผลผลิต และแนวโน้มในอนาคตน่าจะมีการบริโภคที่เพิ่มขึ้นได้อีกมาก
แต่หลายประเทศไม่มีการสนับสนุนให้ประชาชนรับประทานข้าว ทั้งๆที่ข้าวให้สุขภาพที่ดีกว่าอาหารจากแป้ง  เนื่องจากข้อจำกัดโครงสร้างการผลิตอาหารของประเทศ สภาพอากาศของภูมิประเทศ ฤดูกาล และขาดพื้นที่ชุ่มน้ำ ฝน แสงแดด ที่อุณหภูมิสูง ซึ่งมีความพยายามในการปรับปรุงพันธุ์ให้ทนความเย็นมากขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงทางอาหารของประเทศ  ทำให้ไม่มีการสนับสนุนให้ประชากรโลกรับประทานข้าว
โดยปริมาณสำรองข้าวส่วนใหญ่ของโลกอยู่ในจีน
ทั่วโลกมีพื้นที่เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวเพียงประมาณ 1,000 ล้านไร่  เนื่องมาจากสภาพอากาศของภูมิประเทศ  แสงแดด ปริมาณฝน ฤดูกาล ของพื้นที่ชุ่มน้ำ
ผลผลิตข้าวสารโลกรวม 477 ล้านตันข้าวสาร สต็อกข้าวของโลกมีปริมาณ 107ล้านตันข้าวสาร อัตราการสำรองข้าวสารเพื่อการบริโภคของโลก (The Global Stocks to Use Ratio) ของปี 2556/57 จะอยู่ที่ระดับ 22.61 % หรือทั้งโลกจะมีข้าวสารสำรองเพื่อการบริโภค เป็นเวลาประมาณ 83 วัน
การบริโภคและใช้ประโยชน์จากข้าวของโลก มีปริมาณการบริโภคประมาณ 475  ล้านตันข้าวสาร
ปริมาณการค้าข้าวระหว่างประเทศโลกมีประมาณ 38ล้านตันข้าวสาร ต่อปี ประมาณ 8 % ของผลผลิต และปรกติไทยครองตลาดอยู่ที่ประมาณ 30 % ของตลาดการค้าข้าวโลก แต่ชาวนาไทย มีหนี้สิน รายละประมาณ 1-5แสนบาท หลังการขายข้าวในแต่ละปี เนื่องมาจากราคาน้ำมัน ค่าปุ๋ย ค่ายากำจัดศรัตรูพืช ที่รัฐบาลควรออกคูปองอุดหนุนชาวนาที่ใช้สินค้ากลุ่มดังกล่าว ควบคู่ไปกับโครงการวัวล้านตัว และบ่อหมักปุ๋ยที่ให้ก๊าซมีเธนมาใช้ในครัวเรือน เพื่อควบคุมระดับก๊าซเรือนกระจกจากวัว แต่ทั้งนี้ ควรเน้นการเกษตรแบบเคมีอินทรีย์ชีวภาพแบบผสมผสาน เพราะปุ๋ยชีวภาพที่ชาวนาผลิตเองส่วนใหญ่ขาดธาตุฟอสฟอรัส และธาตุอาหารรองเช่น แคลเซี่ยม แต่ขาดแคลนน้อยในพื้นที่ที่เคยน้ำท่วมจากเขื่อน ที่มีตะกอนฟอสฟอรัสสะสม  และชาวนาส่วนใหญ่ ยังขาดความรู้เรื่องธาตุอาหารรองในปุ๋ยเคมี  แต่ทั้งนี้ มีบริษัทปูนซีเมนต์ในประเทศได้เปิดสายการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และน้ำส้มควันไม้ ออกจำหน่ายแล้ว โดยการปรับปรุงระบบการผลิตปูนซีเมนต์ และมีบริษัทเคมี ได้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพในรูปแบบกรดซิลิคอนออกจำหน่ายแล้ว ทั้งนี้ควรบรรจุหลักสูตร เคมีการเกษตรอินทรีย์ชีวภาพลงในระดับประถมศึกษา ป.4-ป.6 ควบคู่กับการใช้แท็ปเล็ต และควบคู่กับการใช้เน็ตบุ๊คใน ชั้น มัธยมต้น  การเพิ่มมูลค่าก็ยังควรทำในแนวทางออแกนิกส์ หรือเพียงข้าวกล้องที่อุดมไปด้วยวิตามินก็ได้ แต่ควรสนับสนุนแนวทางให้ประชากรโลก รับประทานข้าวกล้องผสมข้าวขาวเป็นข้าวมันปู จะเป็นการดีต่ออุตสาหกรรมข้าว และสุขภาพมากกว่า เนื่องจากแนวโน้มประชากรโลกส่วนใหญ่ที่มีแรงซื้อเป็นผู้สูงอายุ และการรับประทานข้าวกล้องเพียงอย่างเดียวจะย่อยยากกว่าข้าวสารขาว ทั้งนี้ น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว อุดมไปด้วยสารเมลาโทนิน จากการวิจัยในทางการแพทย์  พบว่า  เมลาโทนิน ( มีชื่อทางเคมีคือ N-acetyl-5-methoxytryptamine )หรือ N-[2-(5-Methoxy-1H-indol-3-yl) ethyl] acetamideมีความสำคัญต่อสุขภาพของคนเราดังนี้  ควบคุมการนอนหลับ  ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น  ไม่เครียด  ไม่วิตกกังวล  ป้องกันและรักษาโรคสมองเสื่อม  โรคพาร์กินสัน  แก้ไขอาการหลงลืม  หงุดหงิด  เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ  ช่วยให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น  จึงช่วยผู้ป่วย HIV ได้มาก  เสริมการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในคนสูงอายุ  ป้องกันและเสริมการรักษาโรคมะเร็ง  แก้ไขอาการเจ็ทแล็ก  (JIT- - LEG)  แก้ไขอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ  เพราะร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ  และไม่รู้สึกเครียด  ไม่รู้สึกวิตกกังวล  สมรรถภาพทางเพศจึงดีขึ้น ควรอย่างยิ่งที่จะรับประทานข้าวกล้องเป็นมื้อเย็น
วงเงินการอุดหนุน ควรใช้แนวทางระบบอุดหนุนภาคการเกษตร แบบชาวนา อเมริกา หรือ ญี่ปุ่น ที่ขายข้าวได้ราคาสูงมาก
ทั้งนี้การอุดหนุนควรไม่ต่ำกว่า 50000 ต่อ 10ไร่ ถ้าจะมีนโยบายให้ชาวนาปลอดหนี้โดยเร็ว โดยเฉลี่ย รัฐบาลชุดนี้ เก็บภาษีได้ ปีละ 1.5ล้านๆบาท จากเดิมในยุคก่อนๆหน้า ที่เก็บได้เพียงระดับ 2แสนล้านบาท อันเนื่องมาจากการปราบปรามยาเสพติด กฎหมายยึดทรัพย์การฟอกเงิน กฎหมายการเงินการธนาคาร โดยเฉพาะกฎหมายค้ำประกันเงินฝากที่จะทำให้บัญชีที่มีการใช้ฟอกเงินโด่เด่ให้เห็นชัดเจน การที่เก็บเงินภาษีได้มากขึ้นขนาดนี้ เห็นควรว่าควรนำมาใช้กับฐานรากของสังคม ก็เป็นการสมควรอยู่บ้าง อะไรที่ไม่จำเป็นหรือไม่ควรเร่งรีบควรลดงบประมาณลงเพื่อนำมาใช้ในการนี้ที่จำเป็นเร่งด่วนกว่า
ไทยมีผลผลิต ประมาณ 20ล้านตันข้าวสาร ต่อปี ปีนี้จ่ายชดเชยความเสียหายจากอุทกภัยไปแล้วกว่า 8 ล้านตัน โดยจ่ายชดเชยให้เกษตรกรไร่ละ 1,113 บาท รายละไม่เกิน 30 ไร่
ข้าวสารอเมริกันที่วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 45 =  75.55 US$ หรือ 2417 บาท เท่ากับ ตันละ  483,000 บาท
ข้าวสารดำอินทรีย์จากประเทศไทย ที่วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 26 = 43.65 US$  หรือ 1396 บาท  เท่ากับ ตันละ 279,000 บาท ถ้าเป็นข้าวสารหอมมะลิ  ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ ? 12 = 20.14US$  หรือ 644 บาท เท่ากับ ตันละ 128,000 บาท
ข้าวสารหอมมะลิธรรมดา  ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ ? 10.29 = 17.27 US$ หรือ 552 บาท เท่ากับ ตันละ 110,000บาท
ข้าวสารบาสมาติกสีขาวอินทรีย์ ปากีสถาน วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 18 = 30.22 US$  หรือ  967 บาท  เท่ากับ ตันละ 193,000 บาท
ข้าวสารบาสมาติก ธรรมดา วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 12 = 20.14 US$ หรือ 644 บาท เท่ากับ ตันละ  128,000 บาท
ข้าวสารญี่ปุ่น วางจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา ? 16 = 26.86 US$ หรือ 859 บาท เท่ากับ ตันละ  171,000บาท
ข้าวสาร ข้าวกล้องหอมมะลิมันปู วางจำหน่ายในประเทศไทย ยี่ห้อเทสโก้โลตัส ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา  205 บาท = 6.40 US$  เท่ากับ ตันละ  41,000บาท
ข้าวสาร ข้าวกล้องหอมมะลิ วางจำหน่ายในประเทศไทย ในตลาดสด ถุงขนาด  1 กิโลกรัม ราคา  40  บาท = 1.25 US$  เท่ากับ ตันละ  40,000บาท
จีนผลิต ได้ประมาณ 140 ล้านตัน บริโภคประมาณ 145ล้านตัน  นำเข้าประมาณ 3ล้านตัน  ปริมาณข้าวสำรองประมาณ 45-100ล้านตัน  การสำรองข้าวของจีน ทำโดย รัฐวิสาหกิจ คอฟโก้(COFFCO Corporation) ที่มีหน้าที่สำรองข้าว ในไซโล จีนมีความต้องการบริโภคข้าวปีละประมาณ 135-200 ล้านตัน ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณผลผลิตข้าวที่จีนผลิตเองได้ จีนเป็นประเทศที่ปลูกข้าวได้มากที่สุดในโลก จีนเคยประสพกับปัญหาการอดอยากและไม่มีข้าวเพียงพอให้กับประชาชน (ประมาณปี 1950 – 1961)  2554 จีนเคยประสบกับปัญหาภัยธรรมชาติหลายพื้นที่ใน 8 มณฑลที่มีการปลูกข้าวที่สำคัญที่สุดของจีน (โดยเฉพาะมณฑลหูหนาน เจียงซี มณฑลเสฉวน) รวมพื้นที่กว่า 1.13 ล้านเฮกตาร์ ได้รับความเสียหายเนื่องจากประสบภัยน้ำท่วมและศัตรูพืช ส่งผลต่อการผลิตข้าวของทั้งประเทศลดลง 10% โดยเฉพาะในเขตปลูกข้าวที่สำคัญที่สุดของจีนอาจมีผลผลิตลดลงถึง 20% จีนมีปัญหาพื้นที่เกษตรกรรมที่กำลังลดจำนวนลง ประชากรจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปัญหาสภาพอากาศแหล่งต้นน้ำเทือกเขาหิมาลัยมีการเปลี่ยนแปลง แต่แนวโน้มประชากรในอีก 20 ปีข้างหน้าอาจจะลดลงเช่นเดียวกับอินเดีย เพราะมีชายโสดในประเทศกว่า 100 ล้านคน ในอนาคตจีนอาจกลายเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญ โดยเฉพาะ ถ้าพันธุ์ข้าวในมณฑลเสฉวนและซินเกียงเกิดการกลายพันธุ์ไปในทางที่ดี และจีนมีโครงการที่จะปลูกข้าวที่ผ่านการแปลงพันธุกรรม เพื่อความมั่นคงทางอาหาร
ในปีเดียวกันนั้นไทยก็ถูกน้ำท่วมจากพายุ จนน้ำเกินกำลังเขื่อน ธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 และจัดให้เป็นภัยพิบัติครั้งสร้างความเสียหายมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลก
อุทกภัยดังกล่าวทำให้พื้นดินกว่า 150 ล้านไร่ (6 ล้านเฮกตาร์) ซึ่งในจำนวนนี้เป็นทั้งพื้นที่เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมใน 65 จังหวัด 684 อำเภอ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 4,086,138 ครัวเรือน 13,595,192 คน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 2,329 หลัง บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 96,833 หลัง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย 11.20 ล้านไร่
ถนน 13,961 สาย ท่อระบายน้ำ 777 แห่ง ฝาย 982 แห่ง ทำนบ 142 แห่ง สะพาน/คอสะพาน 724 แห่ง บ่อปลา/บ่อกุ้ง/หอย 231,919 ไร่ ปศุสัตว์ 13.41 ล้านตัว มีผู้เสียชีวิต 813 ราย (44 จังหวัด) สูญหาย 3 คน[
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้การเบิกจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาทต่อครอบครัว   รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยผู้ประสบภัยน้ำท่วม นาข้าว 2,222 บาทต่อไร่ บ่อเลี้ยงกุ้ง หอย ได้สูงสุดถึงไร่ละ 10,920 บาท วงเงิน 120,000 ล้านบาท
ธนาคารโลกประเมินความเสียหายและความสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจากน้ำท่วมครั้งนี้มีมูลค่า 1.36 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นความเสียหายทรัพย์สิน 640,000 ล้านบาท และความสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจอีก 717,000 ล้านบาท ความเสียหายใหญ่เกิดกับภาคเกษตร ปศุสัตว์และประมง 94,800 ล้านบาท ภาคอุตสาหกรรม 931,000 ล้านบาท การท่องเที่ยว 115,000 ล้านบาท ระบบขนส่ง 3,309 ล้านบาท
การศึกษาผลกระทบน้ำท่วม คาดว่าไทยต้องใช้งบประมาณในการฟื้นฟูหลังน้ำลดเพื่อให้สามารถกลับมาผลิตใหม่อีกถึง 756,000 ล้านบาท โดยจำนวนนี้เป็นการฟื้นฟูภาคเอกชน 520,000 ล้านบาท และของรัฐบาลอีก 235,000 ล้านบาท โดยวงเงินที่ต้องใช้แบ่งเป็น1. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ระบบการจัดการน้ำ 69,100 ล้านบาท ระบบขนส่ง 24,500 ล้านบาท
2. ภาคการผลิต อาทิ ภาคการเกษตร ปศุสัตว์ และประมง 1,290 ล้านบาท ภาคอุตสาหกรรม 151,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีผู้ประกอบการต้องการใช้เงินสภาพคล่องผ่านระบบสถาบันการเงิน 430,000 ล้านบาท
3. ภาคสังคม เช่น ด้านสุขภาพ 3,692 ล้านบาท สังคม 21,800 ล้านบาท การศึกษา 14,000 ล้านบาท
4. ภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สิ่งแวดล้อม 8,184 ล้านบาท
ความเสียหายเบื้องต้นในด้านอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน มีทุนประกันรวม 745,398 ล้านบาท ประเมินความเสียหายอยู่ที่ 149,000-216,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริษัทประกันภัยในญี่ปุ่นรับภาระ
อินเดียผลิต ข้าวได้ประมาณ 100ล้านตัน  บริโภคประมาณ 95ล้านตัน  ส่งออก ประมาณ 10ล้านตัน ปริมาณข้าวสำรอง ประมาณ 25-50 ล้านตัน ผลจากการที่อินเดียส่งออกข้าวสู่ตลาดโลกมากขึ้นทำให้ราคาข้าวในประเทศสูงขึ้น 30% ทำให้มีการออกมาตรการ ควบคุมการส่งออกข้าว จากเดิมที่ไม่มีระบบควบคุมผู้ส่งออก ที่กดราคารับซื้อ แล้วนำไปขายในตลาดโลกราคาถูกๆระดับ 200-400เหรียญต่อตัน นับว่าชาวนาอินเดียต้องทนทุกข์เป็นอันมาก แต่ส่วนนึงเกิดจากทางการไม่ต้องการให้ราคาอาหารในประเทศมีราคาสูงเกินกว่าที่คนจนที่ไม่ได้ทำนาจะมีกำลังซื้อ แต่ทั้งนี้ รัฐสามารถให้การอุดหนุนคูปองการซื้อข้าวได้ เพราะเทคโนโลยี ชิปบัตรไอดีไมโครเครดิต ปัจจุบันมีความพร้อมที่จะทำได้ไม่ยาก และชิปมีราคาถูกลงมาก แล้วก็อัตราการขายปุ๋ยเคมี เครื่องจักรกลการเกษตร และยาปราบศัตรูพืชในอินเดียค่อนข้างต่ำถึงต่ำมาก และเพิ่มผลผลิตต่อไร่ไม่ได้ เนื่องจากราคาขายข้าวได้ต่ำมาก เกษตรกรจึงใช้แรงคนและแรงวัวเป็นหลัก
เวียดนามผลิตได้ประมาณ 25  ล้านตัน บริโภคประมาณ 20ล้านตัน  ส่งออกประมาณ 7ล้านตัน  ปริมาณข้าวสำรอง ประมาณ 2 ล้านตัน  การสำรองข้าวของเวียดนามต่ำมากในบรรดาประเทศผู้ผลิตอาจ เนื่องมาจากระบบการค้าที่ผู้ซื้อเพื่อการส่งออกผูกขาดอยู่ ชาวนาเวียดนามจึงค่อนข้างยากจนเช่นเดียวกับอินเดีย แต่แรงงานหลักในการทำนาจะใช้ควายเป็นหลักเช่นเดียวกับพม่า ซึ่งแตกต่างจาก ฟิลิปปินส์ ซึ่งจะเป็นแบบผสมผสาน เพราะมีแรงซื้อเครื่องจักรการเกษตรจากแรงงานที่ทำงานในเรือขนส่งสินค้าจำนวนมากและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง
กระทรวงพัฒนาการเกษตรและชนบทเวียดนามจะลงทุนประมาณ 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการสร้างระบบสำรองข้าว คลังสำรองธัญญาหารขนาด 2ล้าน 8แสนตันที่จะสร้างขึ้นใหม่นี้จะอยู่ใกล้กับเมืองโฮจิมินฮ์ (Ho Chi Minh) และท่าเรือ โลงอัน จะสามารถสำรองข้าว 4 ล้านตัน แต่เวียดนามมีปัญหาเรื่องราคาในตลาดโลกต่ำ เนื่องจากปัญหาพิกัดของสารตกค้างที่อาจจะมีในข้าวเช่นเดียวกับบังคลาเทศ แต่ถ้าเริ่มมีการใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับที่ระบุพิกัดการผลิต ราคาน่าจะปรับตัวขึ้นได้ในอนาคต

ไทยมีแผนที่จะสำรองข้าวและสินค้าเกษตรอื่นๆเพื่อความมั่นคง (Food  Security) ให้กับประเทศอื่นๆทั่วโลก
โดยได้เริ่มต้นเจรจาไปแล้ว กับรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่จะสำรองข้าวให้กับกลุ่ม ประเทศในอ่าวอาหรับ 6 ประเทศ ซึ่งยูเออีให้ความสนใจมาก และเสนอที่จะสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงให้ ไทยด้วย รวมถึงยังได้หารือกับรัส เซียแล้ว
นอกจากนี้ วางเป้าหมายเจรจาเพื่อสำรองข้าวให้กับสมาชิกของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก), บาง ประเทศในอาเซียน เช่น อินโดนี เซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน สิงดโปร์  มาเลเซีย และประเทศคู่เจร จาความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟ ทีเอ) กับไทยที่ต้องการบริโภคข้าว เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เป็นต้น
ปี 2554 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย รัฐมนตรีด้านการเกษตรและป่าไม้ของประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสาม(ASEAN+3) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมหรือเอ็มโอยู เพื่อยืนยันพันธกรณีในการพัฒนาความร่วมมือในภาคเกษตรกรรม อาหาร และป่าไม้ นอกจากนี้ ทั้ง 13 ประเทศยังได้ลงนามในข้อตกลงอาเซียนบวกสาม ว่าด้วยการสำรองข้าวสำหรับกรณีฉุกเฉิน ซึ่งระบุว่า ทั้ง 13 ประเทศจะสร้างคลังข้าวสำรองปริมาณ 787,000 ตัน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ โดยจีนจะส่งข้าวเพื่อสำรองในสต๊อก 300,000 ตัน ญี่ปุ่น 250,000 ตัน เพิ่มระดับการสำรองข้าวในประเทศเป็นระดับที่มากกว่า 2 -3ล้านตัน และเกาหลีใต้ 150,000 ตัน ขณะที่ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศจะร่วมกันส่งข้าวเข้าคลังสำรอง 87,000 ตัน  แต่อินโดนีเซียมีนโยบายปรับลดการนำเข้า เนื่องจากข้าวที่ผลิตได้ในประเทศไม่เพียงพอกับการบริโภคเช่นเดียวกับไนจีเรียที่ตั้งกำแพงภาษีถึง 40-100% และอินโดนีเซียออกกฎห้ามขายข้าว 1วันในหนึ่งสัปดาห์
แนวโน้มของตลาดโลกที่รัฐของแต่ละประเทศผู้ผลิตที่สำคัญหันมาให้ความสนใจเรื่องความมั่นคงทางอาหารกับภัยพิบัติ และหันมาสนับสนุนให้มีการสร้างไซโลเก็บสำรองข้าวมากขึ้น ห้างสะดวกซื้อโมเดิร์นเทรดสามารถสั่งผลิตข้าวถุงในแบรนด์ของตัวเองแข่งกับราคาตลาดในประเทศ และมีแนวโน้มที่อาจจะกลายเป็นผู้ส่งออกไปยังห้างเครือข่ายในต่างประเทศได้ ผู้ที่เคยเป็นตัวกลางในการส่งออกเพียงอย่างเดียว ควรปรับตัวหันมาใช้โครงการของรัฐในระบบฟู๊ดซีเคียวริตี้ให้มากขึ้น เพราะแนวโน้มสภาวะอากาศโลก และสภาพโลกร้อนที่เกิดจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลของการขยายตัวทางอุตสาหกรรมของประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ๆหลายประเทศ แต่ทั้งนี้จีนได้ลงนามพิธีสารเกียวโตแล้ว สถานการณ์การควบคุมสภาวะโลกร้อนจะตกอยู่กับอเมริกาที่ยังไม่ลงนาม  นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐ ทั้งกองทับบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ มีโครงการวิจัยสภาพอากาศ มีโครงข่ายควบคุมซอร์สดาวเทียมเกือบทั่วโลกจากโครงข่ายนาโต้ และมีโครงการฮาร์พโปรเจค(HARRP)เพื่อควบคุมสนามแม่เหล็กของขั้วโลก ที่องค์การเซิร์น(Cern)กำลังทำการวิจัยแข่งขันอยู่ การทำประกันภัยสภาพอากาศ ควรทำกับ บริษัทจากสหรัฐอเมริกา หรือประเทศในกลุ่มนาโต้เช่น นอร์เวย์ หรือ อังกฤษ เพื่อกระจายความเสี่ยง ที่เห็นได้ชัดว่าโครงการควบคุมสภาพอากาศประสบความสำเร็จคือ พายุแคทรีน่า เกิดการเปลี่ยนทิศทางจากเมืองหลักไปเป็นเมืองรองที่ความเสียหายน้อยกว่า
รายงานการศึกษาวิเคราะห์ภาวะโลกร้อนกระทบแหล่งผลิตอาหารโลก จากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) ณ ฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น สถานการณ์สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงทั่วโลกทำให้ราคาสินค้าอาหารสูงขึ้น รัฐบาลจึงดำเนินนโยบายส่งเสริมภาคเกษตรของญี่ปุ่นโดยตั้งเป้าเพิ่มการผลิต อาหารภายในประเทศ 50% ภายในปี 2563
                กล่าวคือ สถานการณ์อาหารโลกในอนาคต ผู้เล่นรายใหญ่จะเป็นรัฐบาลประเทศต่างๆมาออกหน้า เพราะความมั่นคงทางอาหาร กับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ  ที่ใหญ่จนดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้ จึงไม่อาจปล่อยให้ผู้เล่นรายเล็กทำตลาดเพียงลำพัง อีกต่อไป สิ่งที่ประเทศผู้ผลิตอาหารจะนำมาต่อรองกับสถานการณ์ความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่ปัจจุบันมีสเกลที่ใหญ่กว่าสมัยก่อนมาก คือกลไกราคาตลาด ต่อการประกันภัย ที่ยังไม่รวมถึงตลาดการซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งหมายถึง แนวโน้มของราคาอาหารในตลาดโลกที่จะเพิ่มขึ้นในแบบล๊อค รัฐบาลประเทศต่างๆ จะไม่สร้างกลไกการตรึงราคาในประเทศให้ต่ำอีกต่อไปอย่างที่เคยทำอยู่ และสิ่งที่จะเห็นบนโต๊ะอาหารที่มาจากประเทศโลกที่ 3 ในอนาคต คือ นอกจากอาหารที่มาจากความเหนื่อยยากและวงจรหนี้ของเกษตรกรแล้วแต่ละเมล็ดยังจะมีการคำนวนจำนวนของคณิตศาสตร์ประกันภัยจากระดับต้นน้ำอยู่ด้วย จากเดิมที่จะมีเพียงช่วงกลาง ถึงปลาย ในกระบวนการส่งออก นำเข้า บรรจุถุง วางจำหน่าย และ การนำไปผลิตออกจำหน่าย
ร้านค้าห้างโมเดิร์นเทรด เป็นแหล่งสำคัญในการกระจายสินค้าข้าวในตลาดโลก แต่กำไรของร้านค้าห้างโมเดิร์นเทรด ส่วนใหญ่ จะหมดไปกับ ต้นทุนระบบขนส่ง ค่าน้ำมัน ค่าบริหารจัดการ ค่าจ้างแรงงาน ค่าเช่าสถานที่ จึงควรที่จะมีการส่งเสริมการลงทุนให้ กับกลุ่มนี้  ระบบร้านค้าห้างโมเดิร์นเทรด ส่วนใหญ่ ถูกสนับสนุนขึ้นมาให้มีกิจการเพราะ เป็นระบบที่ทำให้มีสินค้าและล๊อตสินค้า ออร์เดอร์ ค้างส่งอยู่ในระบบซัพพลายเชน ในจำนวนที่แน่นอน และการสั่งสินค้ามากๆทำให้ต้นทุนขายต่อหน่วยสู่มือประชาชนลดลง อีกทั้งมีอำนาจต่อรองราคาขอส่วนลดเพิ่มจากโรงงานโดยตรง  เพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงแหล่งอาหาร แหล่งการผลิตสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้ง อำนาจการควบคุม ต่อรอง ต่อโรงงานการผลิตสินค้าต่างๆ  และ พัฒนาระบบเครือข่ายโลจิสติกส์ ในการระบายสินค้าของประเทศ
แต่ระบบแฟรนด์ไชน์ร้านค้าโมเดิร์นเทรด เก็บค่าลิขสิทธิ์ แรกเข้า ค่อนข้างสูง ประมาณ 4 ล้านบาท ทำให้ร้านค้าโชห่วยส่วนใหญ่ ไม่มีเงินนำไปลงทุน ควรที่จะมีการสนับสนุนส่งเสริมการลงทุนให้กับแบรนด์ที่ไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์แรกเข้า และเก็บค่าการตลาดชั้นวางสินค้าต่ำๆ เพื่อให้สินค้าราคาถูกหรือมีทุนน้อย ได้มีโอกาสในการวางจำหน่ายสินค้า คู่กับแบรนด์ดัง หรือมีการออกกฎหมายควบคุมค่าการตลาด ปัจจุบันอุปกรณ์สำนักงานซอฟท์แวร์ระบบบริหารจัดการร้าน ราคาถูกลงมากแล้ว เป็นโอกาสที่แบรนด์ โนเนมจะมีโอกาส แจ้งเกิดในเวทีโลก ถ้าการแข่งขันทางการตลาดเป็นธรรม
แต่ทั้งนี้ ใบกำกับภาษีของระบบบริหารจัดการร้าน ส่วนใหญ่ ใช้ พรินท์เตอร์ระบบเทอร์โม กรมสรรพากรควรพัฒนาระบบภาษีเรียลไทม์ โดยไม่ต้องรอเคลียริ่งจากผู้ประกอบการตอนสิ้นปี เพราะ ระบบ บรอดแบรนด์ของประเทศ มีความก้าวหน้าในระดับนึงแล้ว จะทำให้มีเม็ดเงินภาษีครบถ้วน เพื่อนำไปใช้ส่งเสริมการลงทุน
และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกข้าว ควรออกมาตรการลดภาษีให้กับร้านฟาสต์ฟู๊ดที่มีการเสริฟเมนูข้าวในเชนต่างประเทศ โดยเฉพาะร้านที่มีการเสริฟไอศกรีมโยเกิร์ต เช่น เคเอฟซี และแมคโดแนลด์ เพื่อสนับสนุนให้มีการบริโภค เมนูสุขภาพ เพราะ ข้าว กับแป้งข้าวโพด แป้งสาลี มีความแตกต่างกันในเรื่องของชนิดน้ำตาลในแป้ง และซึ่งมีผลต่อระบบบอตาเมลิซึ่ม ระบบการย่อย ระบบทางเดินอาหาร ระบบไบโอคล็อค ระบบการเจริญเติบโตของกระดูก ระบบการสร้างเม็ดเลือด และสุขภาพโดยรวม ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประเทศที่มีรายจ่ายด้านยาเป็นสวัสดิการสังคมอย่างไทย แต่หลายๆประเทศยังไม่กล้าใช้นโยบายให้ยาเป็นสวัสดิการสังคม เพราะอุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมเคมี ชีวภาพ และอุตสาหกรรมอาวุธ มีความสัมพันธ์กันผ่านทาง กลุ่มรีพลับลิกัน  มีบริษัทยาจำนวนมากที่ซ่อนวิศวกรรมเคมียาไว้ด้วยเทคนิคต่างๆ ดังนั้น ผู้ที่คุมนโยบายทางการแพทย์  คุมบัญชียาแห่งชาติ ควรเป็นคนที่มีความรู้ด้านวิศวกรรมเคมียาอย่างถ่องแท้ ลำพังการซีแอลยามาทำนโยบายสวัสดิการสังคมอาจไม่ค่อยได้ผล  ถ้ารัฐบาลประเทศใดต้องการใช้ยาเป็นสวัสดิการสังคมควรติดต่อกับกลุ่มรีพลับบิกันผ่านทางล็อบบี้ยิสต์ ส่วนเดโมแครตสนับสนุนการซีแอลยาอยู่แล้ว หรือไม่ก็ติดต่อผ่านทางอุตสาหกรรมยาในยุโรป เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ การซ่อนสูตรยาไว้ในน้ำแร่ ด้วยอัตราส่วนของกำมะถัน แคลเซียมคลอไรด์ และไอโอดีน มีมานานแล้วในอินเดีย จากบันทึกทางยาของโยคีต่างๆ รวมถึงปรมาจารย์ตั๊กม้อ ซึ่งมาจากอินเดีย หรือ ตำหรับลับทางวิศกรรมเคมีของตระกูลถัง  อีกแนวมางนึงที่จะทำให้ยาเป็นสวัสดิการสังคมของสหประชาชาติได้อย่างแท้จริงคือ รัฐบาลที่มีเม็ดเงินเหลือใช้ในมือมากๆควร ซื้อหุ้นบริษัทเคมียา มาสะสม รวมทั้งต้องซื้อตัวคีย์แมนทั้งหมดของกลุ่มบริษัทด้วย

ควรมีการสร้างหรืออุดหนุนให้เอกชนสร้างไซโล สำรองข้าว ขนาด 1-3 ล้านตัน กระจายอยู่ทั่วประเทศ  และไซโลขนาด 5 ล้านตันขึ้นไปในแนวจังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี   หรือแถบ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไป เพื่อไม่ให้ถูกตีความว่าเป็นยุทธปัจจัย และควรส่งเสริมให้เอกชนไปสร้างไซโลข้าวในประเทศพม่า กัมพูชา และลาวด้วย เพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมข้าว
ส่วนรางรถไฟสายอาเซียน สายใหม่ในภาคอีสาน ลาว ที่เชื่อมไปถึงปักกิ่ง เพื่อขนข้าว ควรขอเงินรัฐบาลจีนมาสร้างถนนเลียบทางรถไฟไปด้วย เพราะแนวที่ดินเวนคืน กว้างถึง 104เมตร
ชาวนาที่ยังไม่ได้เงิน และไม่ได้รับการติดต่อจากสภาทนายความ ควรไปทำการฟ้องร้องรัฐบาลอย่างน้อยในคดีความเสียหายทางแพ่ง คือถ้าไม่อยากเอาเรื่องเป็นความกับรัฐบาลในคดีอาญา ก็ควรฟ้องเพาะแพ่ง ซึ่งมีโอกาสชนะคดีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แต่ถ้าท่านไม่อยากใช้บริการฝ่าย ปชป. ก็ควรไปติดต่อทนาย หรือนักการเมืองในท้องที่ ส่วนใหญ่จะเรียนมาทางนิติศาสตร์อยู่แล้ว ทั้งนี้การฟ้องแพ่งต้องใช้เงินค่าฟ้อง 7000  ท่านอาจต้องเซ็นสัญญาการกู้ยืมเงิน 7000-10000บาท เป็นค่าดำเนินการ ซึ่งจะมีเงินมาจ่ายหลังคดีสิ้นสุด ซึ่งในต่างประเทศ สำนักงานทนายความมีระบบ แบ่งค่าเสียหายที่ฟ้องได้ให้สำนักงานทนายความประมาณ 10-50% โดยจะออกค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องให้ก่อนขึ้นอยู่กับความยากง่ายของคดี แ ละจะเป็นผู้คำนวนตัวเลขค่าเสียหายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ด้วย แต่ทั้งนี้ปรกติ ทางทนายจะรอให้ผู้เสียหายเป็นผู้เสนอเปอร์เซ็นต์ ก่อน และมีการเซ็นต์สัญญาส่วนแบ่งค่าเสียหายกัน ถ้ามีการฟ้องร้องตัวเลขค่าเสียหาย รัฐบาลก็จะสามารถแบ่งปันงบประมาณให้กับชาวนามากขึ้นกว่าปรกติที่ควรจะเป็น
และรัฐบาลควรให้ ธกส.ขยายวงเงินให้กับชาวนาเป็นการเฉพาะหน้าไปก่อนด้วย  แต่ทั้งนี้ ธกส.ไม่มีบริษัทประกันในเครือ แต่มีโครงการประกันภัยผ่าน ธ.ก.ส. กับบริษัทสมโพธิ์ เจแปน ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด โครงการนี้เริ่มมีเมื่อปี 2554 ค่าเบี้ยประกัน 130 บาทต่อไร่ แต่รัฐบาลช่วยจ่าย 70 บาท และถ้าเป็นเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ทาง ธ.ก.ส. ช่วยอีก 10 บาท เกษตรกรจ่ายเพียง 50 บาทต่อไร่ ถ้าเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติจะได้ค่าชดเชย 1,400 บาทต่อไร่ ซึ่งประกันภัยในปี 2554 ไม่รวมภัยโรคระบาดและแมลงศัตรูพืช

มีการปรับเกณฑ์ เพิ่มความคุ้มครองภัยจากศัตรูพืชและโรคระบาดด้วยในปี2555 โดยปรับเงื่อนไขอัตราค่าชดเชยภัยธรรมชาติเป็นอัตราเดียวคือ ค่าชดเชยภัยธรรมชาติ 1,111 บาทต่อไร่ จากเดิมมี 2 ระยะคือ 60 วันแรกหากประสบความเสียหายจ่ายชดเชย 606 บาทต่อไร่ ถ้าหลัง 60 วันไปแล้วจ่ายชดเชย 1,400 บาทต่อไร่ ความเสียหายที่เกิดกับนาข้าวจากภัยธรรมชาติและภัยพิบัติ อาทิ อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และไฟไหม้ จะได้รับค่าชดเชย 1,111 บาทต่อไร่ ส่วน กรณีภัยศัตรูพืชและโรคระบาดที่เพิ่มขึ้นมาในปี 2555 นี้ ได้รับค่าชดเชย 555 บาทต่อไร่ โดยมีเงื่อนไขเรื่องเวลาคือ ถ้าวันที่เกิดความเสียหายยังอยู่ในช่วง 7 วันแรกนับจากวันที่ขอเอาประกันภัย จะไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทน แต่จะได้รับการคืนเบี้ยประกันภัย
บริษัทสมโพธิ์ เจแปน ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด กำหนดค่าเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำ 464 บาท คือทำประกันภัยไว้ในวงเงินไม่เกิน 10,000 บาทเท่านั้น โดยธนาคาร ธกส. ต้องการให้ค่าเบี้ยอยู่ที่ไร่ละ 250 บาท แต่บริษัทประกันต้องการที่ 290 บาท   สัญญาณภัยแล้งที่เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปี ระดับน้ำที่ในแม่น้ำสายหลักลดลงมาก น้ำไม่พอจ่ายเข้าพื้นที่การเกษตร ทางการแจ้งเตือนการเพาะปลูกในฤดูนาปรัง  น้ำเค็มทะลักถึงภาคกลางตอนบน ส่งผลให้แนวโน้มผลผลิตที่จะออกในฤดูนาปรังลดลงมาก นโยบายรับจำนำ ทำให้ชาวนาส่วนใหญ่เลือกที่จะขายกับโรงสีในโครงการของรัฐบาล มีเอกชนบางรายที่มีสัญญาค้างในการส่งออกเท่านั้นที่เปิดรับซื้อข้าว และมีเอกชนบางรายที่มองเห็นแนวโน้ม เนื่องจากรัฐบาลค้างจ่ายค่าข้าวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม มีเอ็มโอยูกับอินโดนีเซียและจีน แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหว บางรายจึงเริ่มรับข้าวเปลือกเข้าไซโลอย่างต่อเนื่อง ส่วนข้าวในโครงการของรัฐบาลส่วนใหญ่ทำการบรรจุถุงเกือบหมดแล้ว ล่าสุดทางการจีนอาจจะยกเลิกการนำเข้า และเริ่มทำการสอบสวน โดยอ้างว่าอาจมีการทุจริตเกิดขึ้น
การเซ็นต์สัญญากู้ยืม ควรเขียนจำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวอักษรด้วยตัวเอง ชิดขอบด้านซ้ายมือตรงช่องว่างจำนวนเงิน
โดยผู้เซ็นต์ไม่ควรเป็นผู้ถือครองที่ดิน และควรมีผู้รู้เรื่องกฎหมายอยู่บ้างไปด้วย เช่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือรวมตัวกันไปหลายๆคนก็จะเป็นการดี ถ้าทนายนักการเมืองท้องถิ่นเป็น สส.พรรคเพื่อไทย ก็ควรรวมตัวกันไปหาเขา ถ้าเขาไม่สะดวกเขาจะแนะนำเพื่อนทนายมาดำเนินการให้ท่านแทน
                ถ้ามีชาวนาไปยื่นฟ้องมากพอ ศาลอาจใช้วิธีไต่สวนในการดำเนินคดี  และอาจมีการเปิดรับลงชื่อชาวนาในท้องที่ของแต่ละจังหวัด  หรือมากกว่านั้นคือ การเรียก ตรวจสอบรายชื่อผู้เสีหายทั้งหมดในโครงการมาดำเนินการ
                ชาวนาที่พอมีกำลังทรัพย์โปรดรีบดำเนินการ เป็นโอกาสของชนชั้นชาวนาที่จะเรียกร้องเพิ่มสัดส่วนงบประมาณที่ใช้ในระบบการอุดหนุนการเกษตรครั้งสำคัญ หรือขอยืมค่าธรรมเนียมศาล จากมูลนิธิที่ท่านรู้จัก แล้วลงชื่อ รวบรวมรายชื่อ มอบอำนาจให้ทนายของมูลนิธิดำเนินการแทน
                ชาวตะวันตกส่วนใหญ่ยังยึดติดอยู่กับภาพที่ว่า ข้าวเป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม เพราะร้านอาหารที่เสริฟข้าวส่วนใหญ่จะราคาแพง ที่คนมีฐานะดีจะเข้าไปรับประทานกัน ทั้งๆที่หม้อหุงข้าวมีจำหน่ายแล้วทั่วโลกในราคาถูก แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว เพราะ โทรทัศน์ รายการทำอาหารสไตล์โมเดิร์นได้รับความนิยมมากในประเทศตะวันตก ควรที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกข้าวจะไปสนับสนุนซื้อเวลาในการโฆษณา
จากนโยบายโอท็อป บวกกับการกระจายอำนาจเม็ดเงินลงสู่ระดับเทศบาล และตำบล ข้าวถุง 5กิโลกรัม จากระดับ 100 ยี่ห้อ ได้พุ่งเป็น ระดับ 1000 ยี่ห้อ ในประเทศ เนื่องจากมีกลุ่มแม่บ้าน และ อบต.ผลิดข้าวถุงออกจำหน่าย มีการสั่งซื้อเครื่องจักรบรรจุข้าวมากขึ้น หลายพันเครื่อง
เกมการเมืองปัจจุบัน อาจจะมีผลต่อราคาข้าวในอนาคตด้วย เนื่องจากฝ่ายค้านขู่จะฟ้องศาลเรื่องการทุจริต และข้าวอาจถูกเงื่อนกฎหมายสั่งอายัด ซึ่งอาจส่งผลให้ข้าวขาดหายไปจากตลาดโลก 30% นานขึ้น และทางอินเดียส่งสัญญาณว่าอย่างมากก็ส่งข้าวเข้าสู่ตลาดโลกได้เพิ่มอีกเพียงแค่ 1 ล้านตัน ราคาในอนาคตของ ตลาดโลก ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าข้าวไทยจะหายไปจากตลาดโลกนานแค่ไหน สถานการณ์ล่าสุด ตำรวจขอชิงคืนพื้นที่ ในหน้าสื่อ เพราะการประท้วงส่งผลต่ออุตสาหกรรมการเงินในฟาก ที่รัฐบาลไม่ได้เป็นประกัน เพราะพรบ.ค้ำประกันเงินฝาก มีข่าวลือ และการถอนเงินออกวันละหลายหมื่นล้าน เป็นประเด็นที่อาจเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจโลก  เหตุการณ์ความรุนแรงที่มีอาวุธสงครามปรากฏขึ้นประปราย มีชาวบ้านและตำรวจได้รับบาดเจ็บ จนถึงเสียชีวิต เรื่องนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังในการควบคุมอาวุธสงครามให้เข้มงวดขึ้น รวมทั้งนโยบายรัฐกันชน  และประเด็นการพิจารณาสัญชาติไทย
เสรีชน ที่ติดอยู่ในภาพ การต่อต้านทรราชย์ และการฉ้อราฎร์บังหลวง ต้องตกเป็นเหยื่อ เกมการเมือง กระทบชิ่ง ปตท ครั้งแล้วครั้งเล่า
                ถ้าหากประชากรโลกหันมารับประทานข้าวมากขึ้น แนวทางในการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกข้าว คือ ข้าวพันธ์พืชไร่ ซึ่งทนแล้ง แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับความนิยมจากชาวนา เพราะชาวนาส่วนใหญ่ของโลกเป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่รับน้ำ
อื่นๆ     http://www.thaifreenews.net/2013/06/87-121600.html

ผู้ค้าข้าวในตลาดโลก ได้ชะลอดูท่าทีสถานการณ์ข้าวในประเทศไทยมาเป็นปีแล้ว ตั้งแต่มีการรับจำนำข้าวในราคาสูง เพื่อรอจังหวะในการเก็งกำไร ทำให้ผู้ส่งออก ส่งออกได้หดตัวลงจากเดือนละ 1ล้านตัน เหลือ 5-6 แสนตัน ทำให้บัฟเฟอร์ข้าวไทยในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ขายปลายทางจะรู้สึกได้ แต่เนื่องจากอินเดียซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวบาสมาติกมีตัวเลขส่งออกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคารวมในตลาดโลกลดลง นักค้าตัวเลขเพื่อรอเก็งกำไรก็เลยรอต่อไป
ปี 2554 ไทยส่งออกข้าว10.64 ล้านตัน อินเดียส่งออกข้าวได้ 10 ล้านตัน  มีสต๊อกข้าวคงเหลือ 32.22 ล้านตัน
ปี 2555 ไทยส่งออกข้าว 6.94 ล้านตัน อินเดียส่งออกข้าว 7 ล้านตัน
ปี 2556 ไทยส่งออกข้าว 6.6 ล้านตัน ปี 2556 อินเดียได้คาดการณ์ว่าจะส่งออกข้าวลดลง 1 ใน 4  เพราะข้าวอินเดียราคาแพงขึ้น แต่ ยอดส่งออกจริงเป็น  10.5 ล้านตัน เพราะเริ่มขายได้ราคา และมีข้าวคงเหลือ  24.38 ล้านตัน  นโยบายความมั่นคงทางด้านอาหารของอินเดียฉบับใหม่ ทำให้รัฐบาลมีภาระในการจัดสรรธัญพืชให้ประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยอินเดียมีแผนขายข้าวให้ผู้มีรายได้ต่ำ ที่กิโลกรัมละ 1.50 บาท มีเป้าหมาย 40 ล้านตัน  ไนจีเรียมีการเรียกเก็บภาษีการนำเข้าที่สูงประมาณ 100%   จากการวิเคราะห์ของสำนักวิจัยต่างๆ ระบุว่า ราคาข้าวโลก ราคาจะไม่ปรับตัวสูงขึ้น หากไม่มีสภาวะฝืดเคืองทางด้านอาหารอย่างร้ายแรง
ปี 255ึ7 สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดการณ์ว่า ไทยจะส่งออกข้าวได้ 7.5 ล้านตัน ทั้งที่ยอดการสั่งซื้อหดตัวมาตลอด 3ปี และกลุ่มโรงสีที่จะป้อนให้ผู้ส่งออกไม่มีข้าวในมือ แสดงว่าผู้ส่งออกเองก็เริ่มเตรียมการเก็งกำไรแล้วเหมือนกัน โดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้พยายามเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการจำนำข้าว และอินเดียให้การอุดหนุนข้าวราคาถูกแก่ประชาชนโดยขายกิโลกรัมละแค่ 4-5 บาท
ส่วนในประเทศไทย ผู้ค้าข้าวขายปลีก ประสบปัญหาการหาข้าวมาจำหน่ายในท้องตลาดมาเป็นปี ต้องเดินสายขอแบ่งข้าวจากชาวนาส่วนที่เก็บไว้กินตามหมู่บ้านมาสีขายในท้องตลาด และมีบางส่วนจากโรงสีที่ชาวนานำข้าวส่วนที่เหลือเก็บไปขายเอาเงินสด ทีสำคัญคือภาวะไคลเมทเชนจ์ และก๊าซเรือนกระจก ที่ส่งผลต่อสภาวะอากาศโลก ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไต่ระดับมาอยู่ที่ 27-28 องศา ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิเพาะเชื้อด้วย มาตั้งแต่ปี 2000 จากผลวิจัยของ Mora, Lab University of Hawaii Manoa
มีน้ำทะเลท่วมเกาะในอินโดนีเซียไปแล้วกว่า 24 เกาะ ชายฝั่งอ่าว ก ไก่ ของไทย มีน้ำทะเลท่วมเข้ามาแล้ว หลายกิโลเมตร
ผลวิจัยของนาซาเกี่ยวกับน้ำทะเลที่จะท่วมประเทศลุ่มน้ำต่างๆทั่วโลก ในอีกประมาณ 6-30 ปีข้างหน้า ที่ขึ้นสูงถึง 7เมตร ส่งผลต่อพื้นที่เกษตรกรรมทั่วโลกที่จะหดตัวลง โดยเฉพาะข้าวในพื้นที่ลุ่มน้ำ













ภาพในช่วงระหว่าง 3,000 – 2,000 ปีที่แล้วก่อนการเกิดขึ้นของเมืองรูปวงกลมอู่ทอง ระดับแนวชายฝั่งทะเลมีความสูงกว่าปัจจุบัน  3.5 - 4  เมตร น้ำทะเลขึ้นมาเกือบถึงเชิงเขา










ภาพตัวอย่างการวิจัยนาซ่าที่ระดับน้ำท่วม 7 เมตร




แผนที่แสดงความสูงจากระดับน้ำทะเล

สัญญาณภัยพิบัติใหญ่ๆ น้ำท่วม พายุ ที่ต่อเนื่องรุนแรงมาตลอด 4 ปี น้ำท่วมในปี 2553 2554 โดยปี 2555 เกิดน้ำท่วมที่อินเดีย ส่งผลกระทบต่อผู้คน กว่า 2 ล้านคน น้าท่วม 2556 และ พายุ ในฟิลิปปินส์ ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่เกษตรกรรมลุ่มน้ำ สำหรับการปลูกข้าวทั้งสิ้น และสัญญาณแนวโน้มความรุนแรงที่จะเพิ่มขึ้นก็มา คือ หิมะ ตกอย่างรุนแรงทั่วโลก ซึ่งน่าจะมาจาก กระแสน้ำอุ่น และขั้วสนามแม่เหล็กโลกที่เคลื่อนตัว รุนแรงถึง 60 ไมล์  จาก 240 ไมล์ที่เคลื่อนมาแล้ว และซุปเปอร์โนวา SN2014J ที่กาแลคซี่ Cigar M82 และ โนวาเดลฟินัส (Delphinus)เมื่อเดือน สิงหาคม 2013  ส่งผลต่อ การหมุนวนของสภาพอากาศขั้วโลกรุนแรงกว่าเดิม  ในอดีต ช่วงฤดูหนาวปี 1930 ประเทศจีนตอนกลางมีหิมะตกหนักมาก ปี 1931เกิดพายุไซโคลน เหนือแม่น้ำแยงซีเกียง และแม่น้ำฮวงโหว เข้าสู่มณฑลนานกิง ระดับน้ำสูง 16 เมตร มีผู้เสียชีวิต 200,000-4ล้านคน มีผู้ได้รับผลกระทบ กว่า 30 ล้านคน
 และ โนวาสกอร์ปี (Nova V1280 Scorpii) เมื่อ  ปี2007 ซึ่งเป็นช่วงที่มีเกาะในอินโดนีเซีย จมน้ำทะเล
และถึงแม้จีนจะลงนามพิธีสารเกียวโตแล้ว แต่หนี้ภาคเอกชนขนาดมหาศาล เมื่อรวมกับหนี้ของสหรัฐ อัตราเร่งของอุณหภูมิก็จะลดลงไปไม่ได้มาก นอกจากมีเบรคอย่างรุนแรงต่อเศรฐกิจ หรือสังคม ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงใดๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่เคยก่อให้เกิดวิกฤติระดับโลก ต่างประเทศจึงจับตาดูอย่างใกล้ชิด


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น